คาร์เทียร์ (Cartier) เปิดตัว LE VOYAGE RECOMMENCÉ คอลเลคชั่นไฮจิวเวลรี จากเมซงที่ถ่ายทอดเรื่องราวของการออกเดินทางครั้งใหม่ โดยจัดแสดงครั้งแรก ณ กรุงฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี
การแสวงหาความงามของช่างเครื่องประดับและนักออกแบบจากคาร์เทียร์นั้นไร้ขอบเขต ประกอบกับการเปิดกว้างที่ไร้ข้อจำกัด แนวทางการสร้างสรรค์ของพวกเขาจึงมีแรงกระตุ้นอันเป็นนิรันดร์ แล้วอะไรคือเครื่องนำทางในการรังสรรค์ครั้งนี้ สำหรับคอลเลคชั่นใหม่แต่ละคอลเลคชั่น ความรู้ความชำนาญที่ถูกหล่อหลอมด้วยความสนใจใคร่รู้ เป็นแรงผลักดันให้เขาเหล่านี้อยู่ในแนวหน้าของการการเริ่มต้นครั้งใหม่ ดุจแรงขับเคลื่อนที่ดำเนินไปอย่างไรจุดสิ้นสุด ช่วยให้พวกเขาเดินทางสู่แก่นแท้ตามรูปแบบของคาร์เทียร์ ประหนึ่งว่าทำเช่นนี้เป็นครั้งแรกเสมอ
การเดินทางผ่านหลักการพื้นฐานของเมซงจากแง่มุมใหม่ที่เหนือความคาดหมาย เป็นการสำรวจความเชี่ยวชาญ (savoir-faire) และแนวปฏิบัติเชิงสร้างสรรค์ของเมซงอย่างมีประสิทธิผล ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบผลงานล้ำค่าด้านสถาปัตยกรรม ขยายความเป็นไปได้ของลายเส้นและสิ่งนามธรรม รังสรรค์เฉดสีขึ้นใหม่เพื่อความกลมกลืน หรือฉลองให้กับชีวิตและขอบฟ้าใหม่ การสำรวจอาณาเขตด้านสไตล์ของเมซงเต็มไปด้วยด้วยเสรีภาพเสมอ และยังขยายขอบเขตออกไปไกลกว่าเดิม
ฌาคลีน การาชี (Jacqueline Karachi) ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์เครื่องประดับชั้นสูงของคาร์เทียร์ กล่าวว่า
"คอลเลคชั่นนี้เป็นโอกาสอันดียิ่งที่จะได้สำรวจลึกลงไปถึงธีมที่เป็นหัวใจของสไตล์คาร์เทียร์ ด้วยมุมมองใหม่ที่ผ่านการหล่อเลี้ยงจากสปิริตแห่งกาลเวลา ผ่านสายตาร่วมสมัยสายตาร่วมสมัยเพื่อที่จะไปให้ไกลกว่าเดิม นี่คือการเดินทางกลับสู่หัวใจของการรังสรรค์งานคาร์เทียร์ และเรื่องราวที่เล่าขานผ่านกาลเวลาโดยไม่เคยหยุดนิ่ง"
LIGHT MATTERS - แสงนั้นสำคัญไฉน
ทุกสิ่งทุกอย่างที่คาร์เทียร์มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่ความบริสุทธิ์ของเส้นสาย ความสมดุลของรูปทรงและปริมาตร การเล่นกับสัดส่วน และผลลัพธ์ของชิ้นงานที่กลมกลืนในทุกส่วน นี่คือวิสัยทัศน์ทรงพลังที่ถือกำเนิดมาพร้อมกับโครงสร้างแห่งแสงอันบริสุทธิ์
SAMA NECKLACE (สร้อยคอ SAMA)
การให้ชีวิตแก่สิ่งที่ไร้ชีวิต ปลดปล่อยตนเองเป็นอิสระจากทุกสิ่งที่หยุดอยู่กับที่ นี่คือความสำเร็จของการสร้างสรรค์สร้อยคอชิ้นนี้โดยองค์ประกอบของชิ้นงานมีพลังดึงดูดสายตา มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่แซฟไฟร์ซีลอนน้ำหนัก 19.27 กะรัต ที่ให้ความรู้สึกของการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจน ชุดของนักบวชซูฟีที่เต้นระบำลมวนในพิธีกรรม (whirling dervishes) เป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบสร้อยคอที่ประกอบด้วยเส้นโค้งบิดสลับกลับด้านเป็นลวดลายขนาดใหญ่ สลับกับลายอาหรับที่เมื่อแสงตกกระทบจะเกิดประกายเหมือนแสงกำลังเริงระบำ
การออกแบบสร้อยคอ Sama ต้องอาศัยความแม่นยำอย่างยิ่ง จึงต้องใช้คอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยเพื่อให้ได้โครงสร้างที่มีความเป็นสามมิติในชิ้นเดียว ถ่ายทอดคอนเซ็ปต์การสร้างสรรค์ออกมาเป็นสร้อยคอที่ให้ความหนา ความเอียง และสัดส่วนที่แม่นยำ ทำให้ลายโค้งวนแต่ละลายเชื่อมต่อกันอย่างเนียนสนิทถึงระดับมิลลิเมตร และเพื่อให้ลายโค้งวนนี้ทอดตัวแนบสนิทไปกับผิว จึงมีการใช้ข้อต่อขนาดจิ๋วที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าเป็นตัวเชื่อมกับลายหลักของสร้อย
ONDULE RING (แหวน ONDULE)
ในการทำงานที่คาร์เทียร์ ทุกอย่างเริ่มต้นจากอัญมณี ซึ่งมีพลังกระตุ้นอารมณ์และการรับรู้ความเป็นเลิศผ่านสัญชาตญาณ แหวนวงนี้ประดับเพชรสีเทาอมม่วงไวโอเล็ตน้ำหนัก 0.92 กะรัต ที่โดดเด่นด้วยความหายากของเฉดสีและน้ำหนักของเพชร โดยเฉพาะเมื่อมาอยู่บนหัวแหวนที่คาร์เทียร์บรรจงรังสรรค์เป็นประติมากรรมขนาดจิ๋วคล้ายวังวนแห่งแสง ขับเน้นด้วยความโค้งนูนและปริมาตร ฝังเพชร พระจันทร์เสี้ยว ล้อมรอบเพชรเม็ดกลาง ทอประกายเป็นวงรัศมีปริศนาที่เปลี่ยนรูปทรงและความแพรวพราวของน้ำเพชรให้ดูระยับจับตา
PRECIOUS GEOMETRY – รูปทรงเรขาคณิตอันเลอค่า
รูปทรงเรขาคณิตและความตัดกันคือสองสิ่งที่ประกอบกันเป็นสไตล์คาร์เทียร์ สองสิ่งนี้หากมองจากมุมหนึ่งจะพบว่าเกิดจากรูปทรงและลวดลายที่พัฒนาขึ้นจากความสมมาตรและอสมมาตร แต่หากมองอีกมุม ก็คือพลังของความคอนทราสนั่นเอง
CLAUSTRA NECKLACE (สร้อยคอ CLAUSTRA)
สำหรับคาร์เทียร์ อัญมณีที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวคือเหตุผลแห่งการมีอยู่ของผลงานที่มีเอกลักษณ์ทุกๆ ชิ้น สร้อย Claustra ฝังเพชรหลายขนาดไว้กลางตัวเรือนที่สลับซับซ้อนด้วยเส้นสายที่ไม่เชื่อมต่อกัน โดยมีเพชรเม็ดหนึ่งที่โดดเด่นเป็นพิเศษด้วยน้ำหนัก 4.02 กะรัต ทัศนมิติและการเล่นกับความโค้งนูนยิ่งส่งผลเป็นทวีคูณเมื่อแสงสะท้อนและหมุนเวียนตลอดเส้นที่ฝังออนิกซ์ สลับเพชรและลายฉลุ สร้างความคอนทราสในแบบที่ไม่ซ้ำเดิม สะท้อนเอกลักษณ์ของเมซงได้อย่างไร้ที่ติ
คาร์เทียร์รังสรรค์สร้อยเส้นนี้ขึ้นตามขนบการสร้างสรรค์เครื่องประดับที่เปลี่ยนโฉมให้สวมใส่ได้หลายแบบ โดยตัวสร้อยสามารถแยกเป็น 2 เส้น ซึ่งเป็นความท้าทายอย่างยิ่งในเชิงเทคนิค เพราะต้องสร้างภาพลวงตาของความเป็นหนึ่งเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องทำให้สร้อยสามารถแยกเป็น 2 เส้นได้ ช่างอัญมณีแสดงฝีมือในการทำให้เส้นสายของสร้อยทั้ง 2 ส่วนเชื่อมต่อกันเป็นชิ้นเดียวขณะที่สวม โดยทั้ง 2 ส่วนประกอบเข้าด้วยกันอย่างแนบเนียน เป็นโครงสร้างที่ทับซ้อนด้วยลวดลายนูนเว้า สร้างสุนทรียะที่เป็นหนึ่งเดียวและทรงพลัง นับเป็นงานที่ท้าทายช่างเครื่องประดับชั้นครูของคาร์เทียร์มากเป็นพิเศษ
คู่สีดำและสีขาว : คู่สีระดับไอคอนที่คาร์เทียร์นำมาใช้ครั้งแรกเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 ก่อนจะถึงยุคที่เรารู้จักกันในนามอาร์ต เดโค เมซงเข้าใจพลังอำนาจของสีดำ และนำมาใช้ขับเน้นความเป็นเรขาคณิตของงานออกแบบ ไม่ว่าจะด้วยการฝังออนิกซ์หรือเคลือบแลคเกอร์ ในปัจจุบันสีดำซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญของสไตล์คาร์เทียร์ ทำหน้าที่เติมจังหวะและการเคลื่อนไหวแบบสมัยใหม่ให้แก่เครื่องประดับ
REAL LIFE – ชีวิตจริง
ภาพแทนธรรมชาติที่รังสรรค์โดยคาร์เทียร์นั้นไม่ได้โรแมนติกทว่าแฝงไว้ด้วยความจริงจังเชิงสร้างสรรค์ ไม่ว่าจะเป็นความเสมือนจริงอย่างยิ่ง (hyper-realism) ถ่ายทอดธรรมชาติแบบเกินจริง (stylisation) หรือแบบนามธรรม (abstraction)
PANTHÈRE GIVRÉE NECKLACE (สร้อยคอ PANTHÈRE GIVRÉE)
สร้อยคอ Panthère Givrée ผสานศิลปะการสร้างภาพแทนธรรมชาติแบบเกินจริงกับศิลปะรูปลักษณ์โดยมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน เริ่มจากส่วนหัวเสือที่เหมือนจริงตั้งแต่ปลายจมูกไปจนถึงดวงตาที่ฝังมรกตทรงอัลมอนด์และหูที่แหลมชี้ ส่วนขนเสือนั้นขยายรายละเอียดจนเห็นเป็นรูปทรงเรขาคณิตบางเบาดุจปุยเมฆ และฝังออนิกซ์เป็นลายจุด เสือแพนเตอร์ตัวนี้เป็นผลงานชิ้นเอกที่ดูคล้ายกำลังเฝ้าดูอความารีน 3 เม็ดน้ำหนักรวม 20.33 กะรัต ที่เปี่ยมพลังด้วยความเข้มของสี การฝังลาปิส ลาซูลีเป็นลวดลายละเมียดละไม ช่วยขับเน้นความเด่นให้กับองค์ประกอบชิ้นงาน และเล่นกับความตัดกันอย่างมีชั้นเชิง เสือแพนเตอร์คือสัตว์สัญลักษณ์ของคาร์เทียร์ โดยในปี 1914 หลุยส์ คาร์เทียร์ ได้นำขนของสัตว์ชนิดนี้มาใช้เป็นลวดลายประดับนาฬิกาเรือนแพลทินัมฝังเพชรและออนิกซ์ ในครั้งนั้นลายจุดหนังเสือได้สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก และเสือแพนเตอร์ก็ได้เปิดตัวในโลกของจิวเวลรีนับจากนั้นมา ฌานน์ ตูแซงต์ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ในปี 1933 เป็นผู้ทำให้เสือแพนเตอร์กลายเป็นสัญลักษณ์ไอคอนิค และจากวันนั้นถึงวันนี้มีเซเลบริตี้ระดับโลกหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็นเดซี่ เฟลโลส์ (Daily Fellowes) มาเรีย เฟลิกซ์ (Maria Félix) หรือวาเนสซ่า เคอร์บี้ (Vanessa Kirby) ที่มองว่าเสือแพนเตอร์ของคาร์เทียร์คือตัวตนที่สองของตนเอง ที่เปี่ยมไปด้วยความเย้ายวน เป็นอิสระ ไร้ซึ่งพันธนาการ
WORLD JEWELLERY - เครื่องประดับของโลก
คาร์เทียร์หลงใหลโลกและวัฒนธรรมต่างๆ ของโลกเสมอมา และความใฝ่ใจใคร่รู้นี้ก็เป็นมรดกที่สืบทอดกันมายาวนาน และมีความร่วมสมัยกว่าครั้งใดๆ
GIRIH NECKLACE (สร้อยคอ GIRIH)
สร้อยคอที่เชื้อเชิญเราให้ออกเดินทาง... นี่คือผลงานที่ถ่ายทอดความยั่วยวนใจของการเดินทาง และนำเสนอการตีความหนึ่งในธีมหลักของสไตล์คาร์เทียร์ อันได้แก่ ศิลปะอิสลามและความอลังการของสถาปัตยกรรมอิสลามได้อย่างมีเอกลักษณ์ โดยถ่ายทอดทุกสิ่งออกมาในรูปแบบที่ประณีตและมีความเป็นกราฟิกขั้นสุด ไม่ว่าจะเป็นปฏิสัมพันธ์ระหว่างเส้นสาย ลวดลาย หรือความสมมาตร และความเข้มข้นนี้ก็เข้ากันเป็นอย่างดีกับพลังของความกลมกลืนเชิงสีสันระหว่างมรกตจากแซมเบียกับเทอร์ควอยซ์ที่โรงเจียระไนตัดให้ตามคำสั่ง จี้ที่ประดับอยู่กลางสร้อยสามารถถอดออกมาสวมเป็นเข็มกลัดได้ ตามขนบการทำเครื่องประดับที่แปลงโฉมให้สวมใส่ได้หลายแบบของคาร์เทียร์
ในปี 1903 หลุยส์ คาร์เทียร์ ค้นพบนิทรรศการ “Islamic Arts” ที่พิพิธภัณฑ์ Musée des Arts Decoratifs ในกรุงปารีส หลังจากนั้นลวดลายเรขาคณิต ปฏิสัมพันธ์ระหว่างเส้นสายและลายอาหรับ ก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผลงานคาร์เทียร์ สะท้อนให้เห็นความโปรดปรานรูปทรงที่ถ่ายทอดออกมาอย่างสวยงามเกินจริง รวมทั้งการสร้างงานนามธรรม ในขณะเดียวกันหลุยส์ คาร์เทียร์ก็ได้ส่งเสริมการทดลองใช้คู่สีใหม่ๆ ตลอดทศวรรษ 1910 โดยตัวอย่างหนึ่งคือการจับคู่สีฟ้าเขียวที่เรียกว่าลายนกยูง ซึ่งการนำคู่สีนี้มาใช้นับเป็นการตัดสินใจเชิงสร้างสรรค์ที่กล้าหาญมาก เพราะในสมัยนั้นคนยุโรปมองว่าสองสีนี้เข้ากันไม่ได้ และต่อมาลายนกยูงก็กลายเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของคาร์เทียร์
HIGH JEWELLERY COLLECTION 2023 - คอลเลคชั่นเครื่องประดับชั้นสูง 2023
นอกจากเครื่องประดับชิ้นเอกลักษณ์ในคอลเลคชั่นไฮจิวเวลรีแล้ว ยังมีอีก 1 คอลเลคชั่น ประกอบด้วยจิวเวลรี 2 ชุดที่รังสรรค์ขึ้นจากการเดินทางที่เริ่มต้นขึ้นใหม่ในครั้งนี้
UNDA SET (เซ็ทสร้อยคอ UNDA)
สร้อย Unda ประกอบด้วยมรกตคาโบชงหลากหลายขนาดรวม 67 เม็ด ร้อยเรียงเป็นลายคลื่นบนแฉกรัศมีฝังเพชรพาเว่ จำนวนนับไม่ถ้วน โครงสร้างกราฟิกเข้มขลังตัดกันอย่างสะดุดตากับสีสันจัดจ้าของอัญมณีทรงกลมที่ทอประกายระยิบระยับ เป็นพลังคู่ตรงข้ามที่ยามมาอยู่ชิดกันกลับรวมพลังเปล่งประกายพราวพรายตลอดทั้งเส้น
เพื่อเสริมเสน่ห์ให้แก่สร้อย ผู้เชี่ยวชาญได้คัดอัญมณีที่สีเหมือนกันและขนาดเท่ากันให้ช่างนำมาฝังบนตัวเรือน การเชื่อมข้อต่อทีละข้อช่วยให้ช่างถ่ายทอดลายลูกคลื่นออกมาได้อย่างพลิ้วไหว และทำให้สร้อยทอดตัวแนบสนิทกับผิว
VOLTEA SET (เซ็ทสร้อยคอ VOLTEA)
จุดเริ่มต้นของการทำสร้อย Voltea คือการนำสีแดงดำ คู่สีคลาสสิกของเมซงมาใช้สลับขับเน้น และกำหนดจังหวะในการฝังเพชรพาเว่ เป็นรูปพระจันทร์เสี้ยวเรียงต่อกัน
โรงงานเจียระไนตัดลูกปัดกลมที่ใช้สลับสับหว่างทีละเม็ด ก่อนนำมาฝังบนตัวเรือนโรสโกลด์ โดยเว้นระยะไม่ให้สัมผัสกัน ลูกปัดปะการังล้อมออนิกซ์ที่วางประดับ 3 จุดบนสร้อยนั้นฝังเพชรเดี่ยวไว้กลางเม็ด ทำให้สร้อยทั้งเส้นมีโครงสร้าง และเกิดการหลั่งไหลของคลื่นพลังงานจากเม็ดหนึ่งไปยังอีกเม็ดหนึ่งอย่างสม่ำเสมอลายฉลุทำให้สร้อยมีความเลื่อนไหลและยืดหยุ่นยามสวมใส่ ดุจได้สัมผัสอากาศอันปลอดโปร่ง
"ขบวนพาเหรด: ความขลังของท้องถนนที่เห็นซึ่งความแตกต่าง ใครที่คุณจะพบเจอ อะไรที่อยู่หัวมุมของถนน ใครที่จะทำให้คุณรู้สึกประหลาดใจ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความอัศจรรย์ใจเมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่มีความสำคัญ" กล่าวโดย Matthieu Blazy
The Fall/Winter 2023 collection by Miuccia Prada and Raf Simons reconceptualizes, reconsiders and ultimately rediscovers ideas of beauty. Beauty here is determined not by aesthetic, but by action - garments are signs,
ลาย Check ถูกนำเสนอผ่านสีสันอันสะดุดตา และการตัดเย็บที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผ้าห่มจนไปถึงไอเท็มไหมพรม เช่นเดียวกัน ลาย Equestarian Knight Design (EKD) ก็ถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น Trench Coat ทรงโอเวอร์ไซส์ตกแต่งด้วยปกขนสัตว์เทียม Car Coat ถูกสรรค์สร้างขึ้นใหม่ ส่วนแจ็กเก็ต Duffle และ Aviator มาในซิลูเอตที่นุ่มนวลขึ่น
Inspired by the iconic elongated silhouettes of the 1940s, this new collection embodies the SIRIVANNAVARI essence: feminine with a masculine silhouette, prints, artisanal techniques and craftsmanship, and a Thai aesthetics touch.
Moschino's Fall 2023 Donna collection fuses Salvador Dalí-esque surrealism and aristo-punk flair to deliver a new twist on the house’s iconic aesthetic. From oversized spikes to allover bijoux
Balenciaga นำเสนอคอลเล็กชั่นฤดูหนาวปี 2023 บนพื้นที่สไตล์มินิมอลที่ปกคลุมด้วยผ้าแคนวาส เชื่อมโยงแนวคิดอย่างยั่งยืนที่สามารถทำให้โฟกัสคอลเล็กชั่นได้อย่างชัดเจน การตัดเย็บครั้งนี้เป็นการแยกชิ้นส่วนกางเกง และประกอบมันขึ้นมาใหม่ โดยการนำขอบกางเกงมารังสรรค์บริเวณชายเสื้อหรือแขนเสื้อ
คอลเล็กชั่นนี้สร้างสรรค์ด้วยความเข้าใจและความภาคภูมิใจในตัวเอกลักษณ์ของ Versace โดยเราได้นำประสบการณ์จาก ATELIER ไปจนถึงเสื้อผ้า ready – to – wear อาทิ การร่างโครงสร้าง การตัดเย็บเสื้อผ้า และการเลือกใช้วัสดุผ้า โดยคอลเล็กชั่นนี้ถือเป็นการ เฉลิมฉลองงานฝีมือและทำความเข้าใจลักชัวรี่อย่างถ่องแท้
Finding a new ingenious way of talking about feelings and emotions that can connect us with a country and its culture is precisely what Maria Grazia Chiuri wished to accomplish in this Dior Fall 2023 collection, with a view to explaining the collaboration, work relations and friendship linking her for many years to India and Karishma Swali, who directs the Chanakya ateliers and the Chanakya School of Craft, in Mumbai.