Placeholder image

EN

DIOR J’ADORE งานแสดงนิทรรศการ ณ Beaux-Arts de Paris 27 กันยายน – 8 ตุลาคม 2566

J’adore จะจัดแสดงตั้งแต่วันที่ 27 กันยายน ถึงวันที่ 8 ตุลาคม ณ Beaux-Arts de Paris สถานที่อันทรงเกียรติซึ่งเหมาะกับการจัดแสดงเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของน้ำหอมนี้ และได้ดึงดูดความคิดสร้างสรรค์ทางศิลปะที่งดงามที่สุดนับตั้งแต่การเปิดตัวในปี 1997

“โอ้ J’adore!” มองซิเออร์ ดิออร์น่าจะตกตะลึงเมื่อได้เห็นความงดงามของชุดที่เพิ่งตัดเสร็จใหม่ ๆ จากร้านของเขา

“J’adoooore!” คงเป็นเสียงของ John Galliano ที่อุทานด้วยความดีใจเมื่อเขาได้พบกับความสง่างามของ French House ที่เขาเพิ่งค้นพบ J’adore เปรียบได้กับเพลงประกอบที่มีชีวิตชีวา เสียงที่ชวนให้หวนนึกถึง Avenue Montaigne อยู่เสมอ เพราะเหตุนี้ J’adore จึงได้กลายมาเป็นชื่อของความหอมที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมีเมตตาอันลึกซึ้ง และได้ขึ้นแท่นในฐานะกลิ่นสุดพิเศษของดิออร์อย่างรวดเร็ว J’adore เปรียบเสมือนการเดินทางที่ความหลงใหลจากทุกทิศทางมาบรรจบกัน ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์เนอร์ระดับกูตูร์ นักปรุงน้ำหอมระดับปรมาจารย์ที่มากด้วยไหวพริบ เหล่าศิลปินที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และช่างฝีมือผู้ทุ่มเท ทุกคนต่างตกหลุมรัก J’adore และพร้อมใจที่จะรวมตัวกัน

DIOR J’ADORE คือนิทรรศกาลสุดพิเศษที่จัดขึ้น ณ Beaux-Arts de Paris ซึ่งพร้อมบอกเล่าเรื่องราวของ J’adore ตั้งแต่ความหลงใหลในดอกไม้ของคริสเตียน ดิออร์ ไปจนถึง L’Or de J’adore ความหอมแบบใหม่ที่รังสรรค์ขึ้นโดย Francis Kurkdjian และยังรวมถึงขวดบรรจุที่ห่อหุ้มความหอมนี้ไว้ DIOR J’ADORE คือการหวนระลึกความหลังที่เปี่ยมไปด้วยความมีชีวิตชีวา ตั้งแต่จุดเริ่มต้น J’adore คือน้ำหอมที่สร้างสรรค์ขึ้นด้วยความปราดเปรียวและเป็นความหอมที่รับการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด ณ ที่นี้ J’adore ยังมาพร้อมกับความสดใสและความโดดเด่น ที่โอบล้อมด้วยเส้นด้ายสีทองเป็นประกายเงางาม

ภายในสถาบันที่เปี่ยมไปด้วยอิสรภาพทางศิลปะแห่งนี้ DIOR J’ADORE พร้อมเผยตำนานที่รุ่งโรจน์ด้วยการมอบประสบการณ์ทางสัมผัสที่ครอบคลุมทุกด้าน รวมถึงครอบคลุมมรดกทางวัฒนธรรม สัมผัสแห่งความหอม ภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจ และจบท้ายอย่างยิ่งใหญ่ด้วยผลงานชิ้นเอกของศิลปินอย่าง Refik Anadol

การก้าวข้ามธรณีของ Beaux-Arts de Paris บนถนน Quai Malaquais เปรียบได้กับจุดเริ่มต้นการเดินเข้าไปสู่ที่แอบซ่อนของความหอมของน้ำหอม ทางเดินที่ประดับด้วยสีทองเป็นประกาย เปรียบได้กับสร้อยคอที่โอบล้อมขวดน้ำหอมไว้ และพร้อมนำพาผู้เยี่ยมชมเข้าสู่อาณาจักรส่วนตัวของดีไซน์เนอร์ระดับกูตูร์ คริสเตียน ดิออร์พร้อมเผยเสน่ห์ หรือความทรงจำที่เกี่ยวกับบ้านอันสดใส และความซาบซึ้งในศิลปะสไตล์กรีกโบราณและโรมเป็น ให้ที่ประจักษ์ สวนแห่งความลับของเขาถูกเผยออก นับตั้งแต่สวนสมัยเยาว์วัยอย่าง Les Rhumbs ใน Granville ไปจนถึง La Colle Noire ใน Grasse ที่ซึ่งได้อพยพดอกไม้มาลงและเกิดความผูกพันอย่างลึกซึ้งของครอบครัวเขา ความลับเหล่านี้ล้วนสะท้อนถึงตัวตนของมองซิเออร์ ดิออร์ ผู้ออกแบบชุดในคอนเซ็ปต์ Flower-Women และมีการจัดแสดงเหล่าชุดที่สวยที่สุดของเขาตลอดการเยี่ยมชม แม้ว่า J’adore ยังมิได้ถือกำเนิด แต่โชคชะตาก็ดูเหมือนได้เริ่มก่อร่างสร้างตัวขึ้นแล้ว

J’adore คือการเฉลิมฉลองของดอกไม้และการเดินทางสู่ใจกลางของช่อดอกไม้อันสง่างาม ความหอมนี้ที่เปี่ยมไปด้วยโน้ตของ Jasmin Sambac และ Damascena Rose ได้ถูกรังสรรค์ขึ้นแล้วหลายสิบปีด้วยฝีมือของนักปรุงน้ำหอมระดับปรมาจารย์ทั้งสามคน อย่าง Calice Becker François Demachy และ Francis Kurkdjian ผู้ให้กำเนิด L’Or de J’adore ห้องแห่งนี้ถูกประดับประดาไปด้วยบรรดาดอกไม้จากทั่วโลกเพื่อสร้างบรรยากาศจำลองในหน้าร้อน ตั้งแต่เช้าตรู่จรดยามค่ำคืน

J’adore คือตำนานแห่งศตวรรษ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากขวดทรง Amphora ที่มองซิเออร์ ดิออร์ได้เลือกใช้รูปทรงเดียวกันในการบรรจุน้ำหอม Miss Dior ซึ่งเป็นน้ำหอมกลิ่นแรกของเขา ณ ตรงนั้น ช่างฝีมือของดิออร์จะอยู่ประจำจุดเพื่อสาธิตและถ่ายทอดความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างชุดเดรสทรงโค้งในตำนานของดิออร์และการศึกษาเรื่องขวดบรรจุน้ำหอมนับไม่ถ้วน ตั้งแต่ในเมือง Baccarat จนถึง Murano ซึ่งทำให้ได้มาซึ่งส่วนเว้าโค้งของขวดที่สมบูรณ์แบบ

การเรียงตัวอย่างแม่นยำของสร้อยบนขวดน้ำหอม ได้รับแรงบันดาลใจจากสร้อยไข่มุกหลายชั้นทรง Belle Époque ของคุณแม่ของเขา และซีลปิดขวดด้วยด้ายสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ด้วยเทคนิคที่เรียกว่า baudruchage ศิลปินหลายคนได้ปรับโฉมของขวดรูปทรงนี้เพื่อรังสรรค์น้ำหอมชั้นสูง (haute parfumerie) ทรงคุณค่าที่งดงามราวกับเครื่องประดับชั้นสูง (haute joaillerie): Victoire de Castellane India Mahdavi และ Jean-Michel Othoniel ได้เนรมิตขวดโฉมงามขึ้นทั้งหมด 3 รูปแบบ โดยขวดรูปแบบสุดท้าย เอาไว้ใช้สำหรับบรรจุ L’Or de J’adore ซึ่งเปรียบเสมือนดอกไม้ประดับลูกปัดที่บรรจุอยู่ในขวดทรง amphora ในตำนานและประทับในกล่องสีทองอันงดงามชวนให้หลงใหล ยิ่งไปกว่านั้น ในงานยังเผยโฉม L’Or de J’adore ที่ตั้งตระหง่านอยู่บนแท่นในห้องที่ตกแต่งด้วยสีทอง ซึ่งความหอมของน้ำหอมจะเผยออกมาราวกับความลับที่ถูกเปิดเผยในวิหารลึกลับ

ภาพลักษณ์ของ J’adore มีความโดดเด่นไม่แพ้ความหอมจากช่อดอกไม้ซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักของน้ำหอม ภาพของ Carmen Kass ที่อาบไล้ทองคำราวกับคลีโอพัตรายุคใหม่ หรือ Charlize Theron ซึ่งปลดเปลื้องอาภรณ์และเครื่องประดับ เหลือไว้เพียงแค่ขวดน้ำหอมที่ห่อหุ้มร่างกายไว้ แคมเปญต่าง ๆ ของ J’adore ได้ก้าวเข้าสู่มิติใหม่ของการคำนึงถึงวัฒนธรรมที่หลากหลายเมื่อพวกเขาสวมใส่เดรสที่มีเอกลักษณ์ แสดงในโฆษณาเหล่านี้เพื่อเชิดชูสัญลักษณ์แห่งความเย้ายวนที่อยู่เหนือกาลเวลา โดยเฉพาะภาพยนตร์โปรโมตระดับตำนานที่สร้างสรรค์โดย Jean-Baptiste Mondino กระนั้น

เวทมนตร์ก็ยังขลังอยู่อย่างไม่เสื่อมคลายด้วยการตีความจากศิลปินอย่าง Katerina Jebb ซึ่งผลงานมาในรูปแบบของการเอ็กซ์เรย์ขวดของ J’adore และตามมาด้วยผลงาน Stitched ซึ่งแสดงให้เห็นภาพเส้นด้ายสีทองร้อยพันกันจาก Fred Eerdeken จบท้ายด้วยภาพนิ่งของ Yuriko Takagi ที่สะท้อนให้เห็นวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องของขวดน้ำหอมและความงดงามของดอกไม้หลากสีสัน

J’adore คือผลงานศิลปะชิ้นเอกและเปรียบได้ดั่งผ้าใบสีขาวที่พร้อมสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกความคิดสร้างสรรค์ ขวดรูปแบบแรกได้รับการออกแบบโดย Hervé van der Straeten และความหอมของท็อปโน้ต มิดเดิล และเบสโน้ตได้รับการปรุงแต่งโดยนักปรุงน้ำหอมระดับปรมาจารย์หลากหลายคน ความงดงามของรูปทรงโค้งเว้าที่รังสรรค์ขึ้นโดยบรรดาช่างฝีมือและศิลปินมากมายก่อให้เกิดน้ำหอมในหลากหลายรูปแบบ เอกลักษณ์ความหอมชวนให้ผู้คนหลงใหลอยู่ในความฝัน นอกจากนี้ J’adore ก็ยังได้ปรากฎโฉมอยู่ในรูปแบบดิจิทัลโดยฝีมือของศิลปินอย่าง Refik Anadol ซึ่งเป็นที่รู้จักในด้านการทำ Visual Journey ซึ่งเป็นภาพกึ่งสุนทรียศาสตร์ที่เกิดจากเทคโนโลยีและกึ่งภาพลวงตา จุดสูงสุดในเส้นทางของ DIOR J’ADORE คือผลงาน A dream of gold and flowers ซึ่งเป็นผลงานศิลปะแบบดิจิทัลที่ยิ่งใหญ่ มาในรูปแบบภาพลวงตาของทะเลสีทองที่ดูเงียบสงบ ดึงดูดสายตา ซึ่งต้องการจะสื่อถึงความหรูหราสง่างามของ J’adore น้ำหอมที่บ่งบอกทุกอารมณ์

DIOR J’ADORE
วันที่ 27 กันยายน ถึงวันที่ 8 ตุลาคม 2566
ณ École Nationale Supérieure des Beaux-Arts, 13 quai Malaquais 75006 Paris
เปิดทำการทุกวันตั้งแต่ช่วงเวลา 10:00 – 19:30
เรียนรู้ข้อมูลเพิ่มเติมและจองบัตรเข้าชมได้ที่ Dior.com

Fashion

Placeholder image

BOTTEGA VENETA WINTER 23 COLLECTION

"ขบวนพาเหรด: ความขลังของท้องถนนที่เห็นซึ่งความแตกต่าง ใครที่คุณจะพบเจอ อะไรที่อยู่หัวมุมของถนน ใครที่จะทำให้คุณรู้สึกประหลาดใจ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความอัศจรรย์ใจเมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่มีความสำคัญ" กล่าวโดย Matthieu Blazy

Placeholder image

PRADA FALL/WINTER 2023 WOMENSWEAR SHOW

The Fall/Winter 2023 collection by Miuccia Prada and Raf Simons reconceptualizes, reconsiders and ultimately rediscovers ideas of beauty. Beauty here is determined not by aesthetic, but by action - garments are signs,

Placeholder image

Daniel Lee เผยคอลเล็กชั่นแรก ณ Burberry

ลาย Check ถูกนำเสนอผ่านสีสันอันสะดุดตา และการตัดเย็บที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผ้าห่มจนไปถึงไอเท็มไหมพรม เช่นเดียวกัน ลาย Equestarian Knight Design (EKD) ก็ถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น Trench Coat ทรงโอเวอร์ไซส์ตกแต่งด้วยปกขนสัตว์เทียม Car Coat ถูกสรรค์สร้างขึ้นใหม่ ส่วนแจ็กเก็ต Duffle และ Aviator มาในซิลูเอตที่นุ่มนวลขึ่น

Placeholder image

SIRIVANNAVARI Autumn/Winter 2023-2024 Collection

Inspired by the iconic elongated silhouettes of the 1940s, this new collection embodies the SIRIVANNAVARI essence: feminine with a masculine silhouette, prints, artisanal techniques and craftsmanship, and a Thai aesthetics touch.

Placeholder image

MOSCHINO WOMENSWEAR FALL/WINTER 2023


Moschino's Fall 2023 Donna collection fuses Salvador Dalí-esque surrealism and aristo-punk flair to deliver a new twist on the house’s iconic aesthetic. From oversized spikes to allover bijoux

Placeholder image

BALENCIAGA WINTER 23

Balenciaga นำเสนอคอลเล็กชั่นฤดูหนาวปี 2023 บนพื้นที่สไตล์มินิมอลที่ปกคลุมด้วยผ้าแคนวาส เชื่อมโยงแนวคิดอย่างยั่งยืนที่สามารถทำให้โฟกัสคอลเล็กชั่นได้อย่างชัดเจน การตัดเย็บครั้งนี้เป็นการแยกชิ้นส่วนกางเกง และประกอบมันขึ้นมาใหม่ โดยการนำขอบกางเกงมารังสรรค์บริเวณชายเสื้อหรือแขนเสื้อ

Placeholder image

VERSACE FALL-WINTER 2023

คอลเล็กชั่นนี้สร้างสรรค์ด้วยความเข้าใจและความภาคภูมิใจในตัวเอกลักษณ์ของ Versace โดยเราได้นำประสบการณ์จาก ATELIER ไปจนถึงเสื้อผ้า ready – to – wear อาทิ การร่างโครงสร้าง การตัดเย็บเสื้อผ้า และการเลือกใช้วัสดุผ้า โดยคอลเล็กชั่นนี้ถือเป็นการ เฉลิมฉลองงานฝีมือและทำความเข้าใจลักชัวรี่อย่างถ่องแท้

Placeholder image

DIOR WOMEN'S FALL23 COLLECTION

Finding a new ingenious way of talking about feelings and emotions that can connect us with a country and its culture is precisely what Maria Grazia Chiuri wished to accomplish in this Dior Fall 2023 collection, with a view to explaining the collaboration, work relations and friendship linking her for many years to India and Karishma Swali, who directs the Chanakya ateliers and the Chanakya School of Craft, in Mumbai.

Placeholder image

Hermes ready-to-wear Fall Winter 23







Placeholder image

MIU MIU FALL/WINTER 2023 FASHION SHOW