สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ แบรนด์ SIRIVANNAVARI และองค์อุปถัมภ์มูลนิธิฯ มีพระดำริให้ จัดการแสดงอุปรากร “มาดามบัตเตอร์ฟลาย” ซึ่งเป็นบทประพันธ์ดนตรีของ จาโคโม ปุชชินี (Giacomo Puccini) ชาวอิตาเลียน บทคำร้องเป็นภาษาอิตาเลียน โดย ลุยจิ อิลลิกา (Luigi Illica) และจูเซปเป้ จาโกซา (Giuseppe Giacosa) เป็นอุปรากรที่แสดงถึงความรักระหว่างสาวเกอิชาชาวญี่ปุ่นกับทหารเรือหนุ่มชาวอเมริกัน ที่ยึดมั่นในความรัก โดยการสละชีวิตเพื่อรักษาเกียรติและศักดิ์ศรีของตน อุปรากรเรื่องนี้ได้ถูกนำออกแสดงครั้งแรกที่โรงอุปรากรสกาลา ในกรุงมิลาน ประเทศอิตาลี ในปี ค.ศ.1904 (พ.ศ. 2447) เป็นโอเปร่าเรื่องหนึ่งที่ได้รับ ความนิยมนำออกแสดงมากที่สุด 10 อันดับแรกของโลก
การแสดงครั้งนี้สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรีฯ ทรงรับเป็นผู้อำนวยการแสดง (Executive Producer) ทรงคัดเลือกคณะนักแสดงจาก Opera Production กรุงเวียนนา และเปิดคัดเลือกนักแสดงไทยในบทนักแสดงสมทบ และนักร้องประสานเสียง รวมทั้งสิ้น 53 คน ที่สำคัญการแสดงครั้งนี้ ชุดของนักแสดงออกแบบใหม่ทั้งหมด โดยแบรนด์ SIRIVANNAVARI นำโดยองค์ครีเอทีฟไดเรคเตอร์ ทรงออกแบบเสื้อผ้าจำนวน 14 ชุด ด้วยพระองค์เอง สำหรับ 9 ตัวละครหลักทั้งชายหญิง และอีกมากกว่า 40 ชุด โดยทีมงานของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ภายใต้แนวคิดทรงกำหนดของพระองค์ท่าน นอกจากนี้ ยังทรงมีส่วนร่วมในการออกแบบฉากเวที ร่วมกับทีมงานจากเวียนนาอีกด้วย
คณะนักแสดงจาก Opera Production ประกอบด้วยนักร้องโอเปร่าชั้นนำของยุโรป อาทิ Viktorija Miskunaite และ Laura del Rio นักร้อง Soprano รับบทเป็น Madama Butterfly, Gianluca Terranova (Tenor) รับบทเป็น B.F. Pinkerton, Alissandra Volpe (Mezzo-Soprano) รับบทเป็น Suzuki, Massimo Cavalletti (Baritone) รับบทเป็น Sharpless และ Orlando Polidoro (Tenor) ร่วมด้วย 3 นักร้องโอเปร่าชาวไทยที่มีชื่อเสียงในวงการ บรรเลงโดย Royal Bangkok Symphony Orchestra อำนวยเพลงโดย Valentin Egel ผู้อำนวยเพลงชาวเยอรมัน
ตัวละครมาดามบัตเตอร์ฟลาย หรือ โจโจซัง องค์ดีไซเนอร์ ทรงออกแบบชุดสำหรับตัวละครนางเอก จำนวน 3 ชุด สำหรับบทบาทในช่วงที่แตกต่างกัน ถ่ายทอดถึงเสน่ห์อันน่าหลงใหลของเสื้อผ้าตามขนบธรรมเนียมของสาวชาวญี่ปุ่นซึ่งอ้างอิงมาจากชุดเกอิชา เสื้อผ้าที่ซ้อนทับหลายชั้น โครงสร้างหลวม และใช้ผ้าคาดเอวหรือโอบิรัดเพื่อให้เกิดรูปทรง
เครื่องแต่งกายชุดที่ 1 และชุดที่ 2 โดดเด่นด้วยเสื้อคลุมสีครีม สัญลักษณ์ของหญิงสาววัยแรกรุ่น ตัดเย็บด้วยผ้าแจ็คการ์ด (Jacquard) ที่นิยมใช้ในงานออกแบบเสื้อผ้าชั้นสูงหรือโอตกูตูร์ (Haute Couture) ทอลายรูปดอกไอริสสีขาว สวยประณีต ส่วนโอบิเนรมิตจากผ้าสีขาวโปร่ง เย็บซ้อนผ้าหนา แต่งแต้มด้วยงานปักสามมิติเป็นรูปซากุระนับพันดอก ชุดเกาะอกด้านในปักเลื่อมผสมคริสตัล สมบูรณ์แบบด้วยเครื่องแต่งกายของหญิงสาวชาวญี่ปุ่น สร้างความประทับใจแรกพบ ต่อพระเอกผู้เป็นชาวตะวันตก
เครื่องแต่งกายชุดที่ 3 โดดเด่นด้วยเสื้อคลุมตัวนอกจากผ้าออร์แกนดี้ (Organdy) สวมทับเสื้อคลุมผ้าทึบอีกชั้น ชุดโทนสีขาวในฉากอันเต็มไปด้วยความหมองเศร้าจากความผิดหวัง จนทำให้เธอต้องปลิดชีวิตตนเอง เสื้อคลุมดูทรงพลังด้วยงานปักนกกระเรียนสีขาวขนาดใหญ่ กางปีกโผบินดุจมีชีวิต งานปักที่วิจิตรบรรจงจากคริสตัลอันวาวระยับผสมกับเลื่อม เป็นเทคนิค การปักที่เรียกว่าแอพลิเก้ (Appliqué) สอดแทรกด้วยลูกไม้ฝรั่งเศส เนรมิตเป็นรูปนกกระเรียน สัญลักษณ์แห่งรักแท้ ผสมสานดอกซากุระ สัญลักษณ์แห่งฤดูใบไม้ผลิ และดอกเบญจมาศหรือดอกโบตั๋น อันเป็นตัวแทนแห่งความซื่อสัตย์ การใช้เนื้อผ้าที่มีความโปร่งบางสลับกับงานปักทำให้ชุดนี้มีมิติงดงาม
ร้อยเอก บี.พี. พิงเกอร์ตัน
เครืองแต่งการชุดที่ 1 นายทหารชาวอเมริกันเดินทางมาประจำการที่ประเทศญี่ปุ่น จึงเปิดฉากมาพร้อมกับชุดเครื่องแบบซึ่งเป็นชุดสูทสากลตัดเย็บจากผ้าลินินที่เหมาะกับอากาศในแถบเอเชีย มีความเนี้ยบของกระดุมคู่ บริเวณแขนเสื้อมีงานปักลายเส้นตามเครื่องแบบทหาร ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ตีความว่าเป็นตราสัญลักษณ์ใด
เครื่องแต่งการชุดที่ 2 ครั้นเมื่อกลับมาหานางเอก หลังจากห่างหายกันไปสามปี เขาปรากฏตัวอีกครั้งในชุดลายทางสีฟ้าสลับขาวที่เข้ากับชุดของเคท พิงเกอร์ตัน ภรรยาใหม่ บริเวณปกเสื้อด้านซ้ายตกแต่งด้วยงานปักดอกไอริส สัญลักษณ์แห่งแบรนด์ SIRIVANNAVAR
ซูซูกิ (Zusuki)
เครื่องแต่งกายชุดที่ 1 วิจิตรบรรจงด้วยเสื้อคลุมจากผ้าทอในโทนสีเบจ เหลือบทองแวววาว เป็นลวดลายดอกไม้ทั่วตัว ผลงานปักอันพิถีพิถันเป็นรูปดอกโบตั๋นสามมิติ ประดับบริเวณไหล่ทั้งสองข้าง และหน้าอก คาดเอวด้วยโอบิ สวมทับชุดเเกาะอกปัก และกางเกง
เครื่องแต่งกายชุดที่ 2 ประกอบด้วยเสื้อคลุมแจคการ์ด โทนสีทองอ่อนทอลายทั่วทั้งผืน ซึ่งดัดแปลงจากผลงานเสื้อผ้า คอลเลคชั่น Spring/Summer 2022 ที่ผ่านมาของแบรนด์ SIRIVANNAVARI และปักเพิ่มเติมอย่างประณีตเป็นรูปดอกโบตั๋นสามมิติบริเวณไหล่ทั้งสองข้างและหน้าอก
เคท พิงเคอร์ตัน
เครื่องแต่งกายของเคท พิงเคอร์ตัน สร้างสรรค์จากผ้าแจ็คการ์ดสีน้ำเงินเข้มเหลือบเงินอันหรูหรามีเสน่ห์รับกับแสงไฟ เสื้อสูทมีโครงชุดที่ชัดเจน ซึ่งเป็นการนำไอริส แจ็คเก็ต (IRIS Jacket) สัญลักษณ์แห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI มาตีความใหม่เพื่อเป็นชุดสำหรับนักแสดงอุปรากร เสื้อสูทไหล่ตั้ง เอวคอด สื่อถึงความเป็นตะวันตก บ่งบอกถึงพื้นเพของตัวละคร ส่วนงานปักที่ตกแต่งชุดนั้นเป็นรูปดอกกุหลาบอังกฤษและผีเสื้อ อันเผยถึงวัฒนธรรมที่เป็นขั้วตรงกันข้ามกับนางเอก สำหรับกระโปรงเป็นทรงหางปลาขับเน้นสรีระของผู้หญิงให้ดูทันสมัยยิ่งขึ้น
ชาร์พเลส
เครื่องแต่งกายชุดที่ 1 ชาร์พเลสหนุ่มชาวอเมริกันผู้เดินทางมาพร้อมกับพระเอก เปิดตัวในชุดสูทโทนสีน้ำเงินเข้ม กระดุมสองแถว อันโก้หรูแบบหนุ่มตะวันตก บริเวณปกเสื้อด้านซ้ายตกแต่งด้วยงานปักรูปดอกโบตั๋น และเครื่องแต่งกายชุดที่ 2 เป็นชุดสูทโทนสีครีมกระดุมสองแถวเช่นเดียวกัน
ยามาโดริ
ชุดของเจ้าชายมีความสง่างามแบบญี่ปุ่น สร้างสรรค์จากผ้าแจ็คการ์ดสีเบจ และตกแต่งด้วยลวดลายในโทนสีทองที่ดูหรูหรา น่าเกรงขาม ตามแบบชุดชนชั้นสูงของญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม มีการใช้ผ้าไหมไทยเข้ามาผสมผสาน โทนสีที่ใช้มี ความกลมกลืนไปกับชุดของนักแสดงหญิง
บอนโซ
ชุดของบอนโซ ในบทบาทของนักบวช มีความเรียบง่าย ด้วยเสื้อคลุมดีไซน์เรียบแบบญี่ปุ่น สวมทับด้วยจีวรสีเหลือง ประณีตด้วยจีบผ้าที่ลดหลั่นลงมาเป็นชั้น ตัดเย็บจากผ้าไหมไทยผสมผ้าคอตตอน
โกโร
ชุดโดดเด่นด้วยโทนสีแดงจากผ้าแจ็คการ์ดอันหรูหรา ตกแต่งด้วยลวดลายเหลือบทองอันวิจิตร สวมกับกางเกงสีน้ำตาลผูกเอว
คอมมิสซาริโอ
ชุดมีความงดงามด้วยองค์ประกอบต่างๆ คือเสื้อคลุมที่มีลักษณะคล้ายเสื้อกั๊กในโทนสีเขียว ตัดเย็บจากผ้าแจ็คการ์ดผสมผ้าทวิลที่วิจิตรด้วยลวดลายอันเกิดจากการทอ และผ้าคอตตอนที่สวมใส่สบาย ส่วนเสื้อตัวในและกางเกงในโทนสีอ่อนช่วยเสริมให้เสื้อกั๊กดูโดดเด่นยิ่งขึ้น
นักแสดงสมทบ
ชุดของนักแสดงสมทบยังคงเต็มไปด้วยรายละเอียดอันประณีต องค์ประกอบอันสื่อถึงวัฒนธรรมการแต่งกายของชาวญี่ปุ่นที่นิยมสวมเสื้อผ้าหลายชิ้น ไปจนถึงการเลือกสรรเนื้อผ้าที่งดงามด้วยลวดลายต่างๆ สร้างความดรามาติคเมื่อต้องกับแสงไฟบนเวที เสื้อผ้าของแต่ละตัวละครมีสีสันที่กลมกลืนกัน และมีความพลิ้วไหวไปกับอิริยาบถต่างๆ ในการแสดง
เสื้อคลุมรูปทรงหลวมโคร่งแบบญี่ปุ่น สีสันและลวดลายผ้าแตกต่างกันไปในแต่ละตัวละคร คุณแม่แต่งในโทนสีงาช้าง คุณป้าโทนสีขาว และเสื้อคลุมสีทอง ในขณะที่ลูกพี่ลูกน้อง ในโทนสีทองโดดเด่น ลวดลายผ้าเติมเต็มรายละเอียดของชุด เสื้อคลุมตัดเย็บจากผ้าทึบผสมกับผ้าโปร่งที่มีลวดลายต่างกัน บริเวณเอวตกแต่งด้วยโอบิที่รัดให้เกิดรูปทรงของชุดและผูกโบว์ใหญ่ ทับอีกชั้น ส่วนเกาะอกและกระโปรงมีลายผ้าที่คล้ายกัน
เด็กผู้ชาย
สวมชุดยูกาตะในโทนสีเทา สวมทับด้วยโอบิบริเวณเอว ดีไซน์เรียบของชุดดูโดดเด่นด้วยลวดลายของเนื้อผ้า
Uffcio del Registo
ชุดของ Uffcio del Registo ประกอบด้วยเสื้อคลุมตัวนอก ทับเสื้อด้านในสีขาว ชุดนี้โดดเด่นด้วยลวดลายของกางเกง
โอบิ และโบว์ผูกในโทนสีและลวดลายที่เข้มขึ้นทำให้ชุดดูมีมิติ
เกอิชา
เครื่องแต่งกายสำหรับผู้รับบทเกอิชา ยังคงเต็มไปด้วยรายละเอียดอันพิถีพิถัน ในเรื่องประกอบด้วยเกอิชาทั้งหมด 6 คน แต่ละชุดมีองค์ประกอบที่เหมือนกันคือเสื้อคลุมตัวนอก เสื้อตัวใน กระโปรง โอบิ และโบว์ผูก ส่วนสีสันดูกลมกลืนกัน โดยตีความมาจากเสื้อผ้าของชุดหญิงชาวญี่ปุ่นตามขนบดั้งเดิม ลวดลายที่เรียงร้อยบนชุดของเกอิชาแต่ละคน มีความต่างกัน ทำให้เกิดเสน่ห์ และสร้างความตระการตาเมื่อเข้าฉากการแสดงที่เหล่าเกอิชามารวมตัวกัน
คนรับใช้
เช่นเดียวกับเกอิชา ชุดของคนรับใช้ทั้ง 5 คนแต่งแต้มด้วยโทนสีที่เข้ากับนักแสดงหลักที่เป็นชาวญี่ปุ่น แต่ละชุดประกอบด้วยเสื้อคลุม กางเกงทรงพองและโบว์ผูกทับเสื้อคลุม มีจุดเด่นตรงที่ความหลากหลายของลายผ้าที่ทำให้แต่ละชุดดูต่างกัน ทำให้เกิดความสมจริงเมื่อตัวละครทั้งหมดเข้าฉากด้วยกัน
คณะนักร้องประสานเสียง
สำหรับการแสดงโอเปร่า นักร้องประสานเสียงหรือคอรัส มีบทบาทสำคัญถึงแม้จะไม่มีบทบาทในเชิงการแสดงก็ตาม ในเรื่องนี้มีมากถึง 28 คน ในแง่ของเครื่องแต่งกาย ชุดสำหรับคอรัสจึงเป็นโทนสีขาวครีม สื่อถึงการสร้างบรรยากาศ งดงามด้วยเลเยอร์ของผ้าที่พลิ้วไหวและซ้อนทับกันหลายชั้น ประกอบด้วยเสื้อคลุมตัวนอกที่มีลวดลาย สวมทับด้วยโอบิ เสื้อแขนยาวตัวในโทนสีเรียบรับกับกางเกง
"ขบวนพาเหรด: ความขลังของท้องถนนที่เห็นซึ่งความแตกต่าง ใครที่คุณจะพบเจอ อะไรที่อยู่หัวมุมของถนน ใครที่จะทำให้คุณรู้สึกประหลาดใจ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นความอัศจรรย์ใจเมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่มีความสำคัญ" กล่าวโดย Matthieu Blazy
The Fall/Winter 2023 collection by Miuccia Prada and Raf Simons reconceptualizes, reconsiders and ultimately rediscovers ideas of beauty. Beauty here is determined not by aesthetic, but by action - garments are signs,
ลาย Check ถูกนำเสนอผ่านสีสันอันสะดุดตา และการตัดเย็บที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผ้าห่มจนไปถึงไอเท็มไหมพรม เช่นเดียวกัน ลาย Equestarian Knight Design (EKD) ก็ถูกยกระดับขึ้นอีกขั้น Trench Coat ทรงโอเวอร์ไซส์ตกแต่งด้วยปกขนสัตว์เทียม Car Coat ถูกสรรค์สร้างขึ้นใหม่ ส่วนแจ็กเก็ต Duffle และ Aviator มาในซิลูเอตที่นุ่มนวลขึ่น
Inspired by the iconic elongated silhouettes of the 1940s, this new collection embodies the SIRIVANNAVARI essence: feminine with a masculine silhouette, prints, artisanal techniques and craftsmanship, and a Thai aesthetics touch.
Moschino's Fall 2023 Donna collection fuses Salvador Dalí-esque surrealism and aristo-punk flair to deliver a new twist on the house’s iconic aesthetic. From oversized spikes to allover bijoux
Balenciaga นำเสนอคอลเล็กชั่นฤดูหนาวปี 2023 บนพื้นที่สไตล์มินิมอลที่ปกคลุมด้วยผ้าแคนวาส เชื่อมโยงแนวคิดอย่างยั่งยืนที่สามารถทำให้โฟกัสคอลเล็กชั่นได้อย่างชัดเจน การตัดเย็บครั้งนี้เป็นการแยกชิ้นส่วนกางเกง และประกอบมันขึ้นมาใหม่ โดยการนำขอบกางเกงมารังสรรค์บริเวณชายเสื้อหรือแขนเสื้อ
คอลเล็กชั่นนี้สร้างสรรค์ด้วยความเข้าใจและความภาคภูมิใจในตัวเอกลักษณ์ของ Versace โดยเราได้นำประสบการณ์จาก ATELIER ไปจนถึงเสื้อผ้า ready – to – wear อาทิ การร่างโครงสร้าง การตัดเย็บเสื้อผ้า และการเลือกใช้วัสดุผ้า โดยคอลเล็กชั่นนี้ถือเป็นการ เฉลิมฉลองงานฝีมือและทำความเข้าใจลักชัวรี่อย่างถ่องแท้
Finding a new ingenious way of talking about feelings and emotions that can connect us with a country and its culture is precisely what Maria Grazia Chiuri wished to accomplish in this Dior Fall 2023 collection, with a view to explaining the collaboration, work relations and friendship linking her for many years to India and Karishma Swali, who directs the Chanakya ateliers and the Chanakya School of Craft, in Mumbai.