EN

4 เคล็ด(ไม่)ลับสำหรับการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนกับ Booking.com

โดย ณัฏฐณิชา มณีนพรัตน์ ภาพ Booking.com

แม้สถานการณ์ในตอนนี้ยังคงมีแต่ความไม่แน่นอน แต่ผู้คนก็เริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวและวางแผนทริปใหม่ ๆ สำหรับปี 2565 นี้กันอย่างใจจดใจจ่อด้วยพร้อม “ความรับผิดชอบ” ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งสำคัญที่นักท่องเที่ยวทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญเพื่อเริ่มต้นการท่องเที่ยวแบบยั่งยืนอย่างรักษ์โลก เพราะโลกใบนี้และผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับโลกล้วนแต่เป็นเรื่องของผู้คนทุกคน ดังนั้นการท่องเที่ยวนับจากนี้จึงเป็นเรื่องของความใส่ใจและความเข้าใจมากขึ้นกว่าที่เคย ทั้งการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมอย่างปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศ และการหันมาสนใจความยั่งยืนของเศรษฐกิจที่ครอบคลุมลงไปถึงระดับชุมชน

รายงานด้านการเดินทางอย่างยั่งยืนล่าสุดของ Booking.com เผยว่า 94% ของผู้เดินทางชาวไทยมองว่า “การท่องเที่ยวแบบยั่งยืน” นั้นมีความสำคัญอย่างมาก และ 78% ระบุว่าสถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้นักท่องเที่ยวต้องการเดินทางอย่างยั่งยืนมากขึ้นในอนาคต ทำให้ความคาดหวังของนักเดินทางยุคใหม่จึงไม่ใช่แค่ความคาดหวังที่จะได้รับประสบการณ์ท่องเที่ยวที่น่าประทับใจหรือบริการการดูแลที่ใส่ใจครบทุกด้านจากผู้ประกอบการเพียงเท่านั้น แต่ยังคาดหวังถึงการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกที่ในฐานะนักเดินทางก็สามารถช่วยดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมชุมชนในระหว่างทริปท่องเที่ยวได้

คุณสิงห์ – วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล นักทำสารคดี นักสื่อสารด้านสิ่งแวดล้อม พิธีกร และผู้ก่อตั้งรายการชื่อดังอย่าง 'เถื่อน Channel' บนช่องทาง YouTube ได้ร่วมแบ่งปันคำแนะนำและเคล็ดลับดี ๆ สำหรับผู้ที่อยากเริ่มต้นเดินทางแบบยั่งยืนตั้งแต่การจองตั๋วเครื่องบินและที่พักไปจนถึงวิธีปฏิบัติตัวระหว่างทางและจบทริปอย่างสมบูรณ์ในฐานะผู้เดินทางแบบยั่งยืนหน้าใหม่

เริ่มจากคำแนะนำสำหรับการจองตั๋วเครื่องบินและที่พักเพื่อเริ่มต้นทริปแบบยั่งยืนคือการเลือกไฟล์ทเที่ยวบินแบบตรง (Direct Flight) สำหรับการจองตั๋วเครื่องบิน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการจองผ่านเอเจนซีหรือผู้ให้บริการด้านการจองการเดินทางแบบออนไลน์ (OTAs) จากเดิมที่ปัจจัยการเลือกจองนั้นมีเพียงงราคา ระยะทาง หรือความสะดวกสบาย ทว่าในปัจจุบันข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ผู้คนมองหา และการเลือกเดินทางด้วยเที่ยวบินที่บินตรง (direct flight) จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ดีกว่าเที่ยวบินแบบ transit

และในส่วนของการเลือกจองที่พักควรเลือกที่พักซึ่งคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันเราสามารถเลือกจองโรงแรมที่พักที่มีระเบียบมาตรการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมได้เพื่อมีส่วนร่วมในการกระตุ้นและช่วยเปลี่ยนแปลงให้ผู้ประกอบการและอุตสาหกรรมหันมาสนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและสังคมเพิ่มมากขึ้น โดยผลสำรวจล่าสุดของ Booking.com เผยว่า 98% ของผู้เดินทางชาวไทยต้องการเข้าพักในที่พักรักษ์โลกที่ยึดหลักความยั่งยืนในปี 2565 นี้ ซึ่ง Booking.com เพิ่งเปิดตัวตราสัญลักษณ์ “ที่พักสำหรับเดินทางอย่างยั่งยืน” (Travel Sustainable property badge) เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมอบให้แก่ที่พักสำหรับการเดินทางอย่างยั่งยืนทั่วโลกเพื่อเป็นตัวช่วยให้นักท่องเที่ยวสามารถมองหาที่พักแบบรักษ์โลกได้ง่ายดายกว่าที่เคยด้วยแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ มีมาตรฐาน และเข้าใจง่าย และเพื่อเป็นมาตรฐานของแนวทางปฏิบัติด้านความยั่งยืนให้กับแวดวงการท่องเที่ยวในอนาคต

หลังจากเริ่มต้นการเดินทางอย่างยั่งยืนแล้ว วิถีการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนนับเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญสำหรับผู้เดินทางแบบรักษ์โลก โดยเริ่มจากการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมให้เหมือนในชีวิตประจำวัน เพราะในระหว่างการเดินทางควรคำนึงถึงการดูแลรักษาสถานที่ท่องเที่ยวแบบพื้นฐาน ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ไม่ทิ้งขยะ ไม่จับหรือสัมผัสอะไรที่ไม่ควรจับ เช่น การดำน้ำก็ไม่ควรไปจับสัตว์ทะเลหรือปะการัง หรือไม่ทิ้งก้นบุหรี่ไว้ตามชายหาด และสิ่งที่เราทำได้ระหว่างท่องเที่ยวนั้นคือสิ่งเดียวกับที่เราทำได้ในชีวิตประจำวันทุก ๆ วัน ฉะนั้นวิถีการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนสามารถเริ่มได้จากการเปลี่ยนแปลงชีวิตปกติในทุกวัน ยกตัวอย่างเช่น ลดขยะ ลด Carbon Footprint ลดการบริโภคที่ไม่จำเป็น จากนั้นจึงนำแนวทางเหล่านั้นไปใช้ระหว่างเดินทางด้วย ซึ่งสอดคล้องกับรายงานล่าสุดของ Booking.com ที่พบว่าผู้เดินทางชาวไทยถึง 87% ต้องการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนท้องถิ่น จนถึงขั้นเลี่ยงจุดหมายและสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมเพื่อลดปัญหาสิ่งแวดล้อมและจำนวนนักท่องเที่ยวที่ล้นไปในตัว

การเดินทางท่องเที่ยวนั้นนอกจากการคำนึงถึงผลกระทบต่อธรรมชาติแล้ว ยังควรคำนึงถึงการกระจายรายได้สู่ชุมชนและลดการบริโภคเกินความต้องการ คุณวรรณสิงห์มองว่าการเดินทางต่อจากนี้จะไม่ใช่แค่ท่องเที่ยวเพื่อเสพความอร่อยจากร้านอาหารอันขึ้นชื่อ ความสบาย หรือความรื่นรมย์ต่าง ๆ เพียงอย่างเดียว แต่วิถีการเดินทางแบบใหม่จะมุ่งเน้นไปที่การเรียนรู้และซึมซับวิถีชีวิตของผู้คน ธรรมชาติ และเรื่องราวที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งจะทำให้ผู้คนเปิดประตูต้อนรับโลกนี้เข้ามาหาตัวเองอย่างอัตโนมัติ นอกจากจะได้เรื่องราวที่คอยช่วยสร้างแรงบันดาลใจเพื่อให้ผู้คนหันมารักสิ่งแวดล้อมมากขึ้นแล้ว ยังทำให้เกิดการลดการบริโภคที่เกินพอดี มีความต้องการที่น้อยลง เพราะการซึมซับสิ่งที่ได้ไปสัมผัสจากการท่องเที่ยวหรือการอยู่กับธรรมชาติและวิถีชีวิตของคนในชุมชนท้องถิ่นที่ไปเยือนถือเป็นสิ่งที่เพียงพอแล้ว

ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับผลสำรวจของ Booking.com ที่เผยว่าผู้เดินทางชาวไทยถึง 85% ต้องการความมั่นใจว่าผลการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจะถูกกระจายไปสู่คนทุกภาคส่วนในสังคมเพื่อช่วยกระจายรายได้ไปสู่ชุมชนท้องถิ่นด้วยการช่วยในส่วนที่ตนเองสามารถทำได้ เช่น การเดินทางไปยังจุดหมายและชุมชนที่มีผู้คนไปเยือนน้อย จนเกิดเป็นกระแสการท่องเที่ยวเมืองรอง ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมที่พกพามาเต็มกระเป๋าทั้งในส่วนของผู้ประกอบการที่พักและผู้ให้บริการด้านการเดินทาง ไปจนถึงนักท่องเที่ยวอย่างเราทุกคน ทำให้การริเริ่มทำสัญลักษณ์ “ที่พักสำหรับเดินทางอย่างยั่งยืน” (Travel Sustainable property badge) ของ Booking.com กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับการเดินทางที่ยั่งยืนมากขึ้น ไม่ใช่แค่สำหรับนักท่องเที่ยวเท่านั้นแต่รวมไปถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวโดยรวม

คุณวรรณสิงห์ยังทิ้งท้ายไว้ว่า “การริเริ่มของ Booking.com ด้านความยั่งยืนในครั้งนี้จะช่วยกระตุ้นให้กระแสการเดินทางแบบรักษ์โลกที่ดูเข้าถึงยากแบบในอดีต กลายมาเป็นมาตรฐานที่เปรียบเทียบได้ทั้งอุตสาหกรรมการเดินทาง ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางอย่างสมบูรณ์ ในการสานต่อเป้าหมายด้านความยั่งยืนให้เกิดขึ้นจริงและสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกได้ในวงกว้าง”

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวทางเพื่อความยั่งยืนที่ Booking.com โปรดไปที่ sustainability.booking.com