ฉันกำลังค่อยๆย่างกรายอย่างช้าๆ ไปตามท้องถนนอันแสนกว้างใหญ่ของโอโมเตะซันโด อเวนิว (Omotesando Avenue) และรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ทั้งของฝูงชนในโตเกียว ของสัญญาณไฟอันสว่างสไว และของเวลา ทันใดนั้นเองโลกก็โค้งขึ้นและเผยอีกด้านนึงของโลกให้ฉันได้ก้าวเข้าไป และเมื่อลืมตาขึ้นพร้อมกับหันไปมองรอบตัวนับครั้งไม่ถ้วน ก็พบว่าฉันกำลังอยู่ในออกแลนด์ (Auckland) และยืนอยู่บนท่าเรือ ท่ามกลางแสงอาทิตย์ที่สาดส่อง และสายลมที่พัดโชยมา ฉันมองไปที่ข้อมือและสิ่งนั้นยังคงอยู่ที่เดิม ทั้งยังคงบอกถึงเวลาของโลก ซึ่งเป็นดั่งเข็มทิศเดียวที่ฉันมี เคลื่อนไหวอย่างไม่หยุดนิ่งท่ามกลางสายลมที่พัดพาฉันไป ฉันได้ตัดสินใจที่จะเดินไปตามไทม์โซน สู่เส้นทางการเดินทางรอบโลก แม้มิล่วงรู้เลยว่าจะไปสิ้นสุดยังที่ใด แต่ฉันก็ยังคงจะเฝ้าตามหาต่อไป
และยิ่งฉันเคลื่อนที่ไปข้างหน้ามากเท่าใด ข้อมือของฉันก็ยิ่งบินขึ้นสูงตามเท่านั้น โลกใบเล็กๆ หมุนไปอย่างไม่สิ้นสุดบนหน้าปัดนาฬิกา กับแผนที่แห่งผืนโลก ราวกับนักขี่ม้าที่กำลังควบกระโจนสู่เส้นชัย โลกกำลังหมุนอย่างรวดเร็ว หรือหากแต่เป็นฉันเองที่กำลังวิ่ง? ใครกันที่กำลังเดินรอยตามการก้าวเดินนั้น? แม้บ้านเกิดของฉันจะเป็นจุดเริ่มการเดินทางของเวลาในครั้งนี้ ทว่าจริงๆแล้วมันคือที่ใดกัน? โลกที่หมุนไปอย่างไม่สิ้นสุดได้มอบซึ่งเวลาใน 24 เมืองต่างๆให้กับฉัน และใน 24 ไทม์โซนที่มุ่งหน้าไปสู่สิ่งที่ฉันกำลังออกเดินทางไปหา กับสิ่งที่ฉันใฝ่ฝันที่จะไปถึงในที่สุด เพราะ ณ ...
ณ เม็กซิโกซิตี้ คือนครแห่งท้องถนนที่ไม่เคยหยุดนิ่ง อีกทั้งยังรายล้อมไปด้วยดอกจาคารันดา (jacaranda) อันเบ่งบานในสีม่วงเรืองรอง
ณ นูเมอา ที่ที่ฉันได้ล่องลอยไปตามความฝัน ห่างไกลจากผู้คนแสนวุ่นวาย
ณ กรุงเทพฯ ที่ฉันกระโดดขึ้นชิงช้าสวรรค์ และหัวเราะครึกครื้นขณะเพลิดเพลินไปกับการนั่งรถตุ๊กตุ๊กอันแสนแฟนตาซี ผ่านท้องฟ้าสีเพลิง
ณ ซามาร์คันด์ ที่ซึ่งประตูสีฟ้าแห่งสรวงสวรรค์ได้เปิดออกสู่ดินแดนอันกว้างใหญ่เหนือทุ่งหญ้าสเตปป์
หรือจริงๆแล้วฉันคิดผิด ทั้งนาฬิกาและฉันเองอาจไม่ได้มีใครที่กำลังวิ่งอยู่ทั้งนั้น แต่เป็นเพียงการลื่นไหลตามไป ซึ่งทำให้เวลานั้นเดินเร็วหรือช้าลงบ้างในบางคราว ฉันเป็นมนุษย์ในโลกของตัวฉันเองที่ได้หลุดพ้นจากความไม่แน่นอนในชีวิตประจำวัน และหลอมรวมเข้ากับเวลา ซึ่งในบางครั้งเวลานั้นก็ได้ปฏิเสธการเข้าหาของฉัน แต่ฉันไม่คิดที่จะบังคับสิ่งนั้น เพราะฉันรู้ว่าในบางครั้งเวลาก็เคลื่อนผ่านเร็วเกินไปสำหรับฉันเช่นเดียวกัน ซึ่งฉันไม่จำเป็นต้องเร่งรีบ แค่เพียงเฝ้ารออย่างอดทน และในที่สุดเวลาก็จะหยุดลง เพื่อให้ฉันได้ลุกขึ้นและกลับขึ้นมาเริงร่ากับชีวิตได้อีกครั้ง ก่อนที่จะเดินทางไปยังมุมเมืองถัดไป
ประดับอยู่บนข้อมือของฉันอย่างโดดเด่นสง่างาม ด้วยการปรากฏโฉมอันแสนเพรียวบางและเป็นการเชื่อมโยงโดยตรงเพียงหนึ่งเดียวระหว่างฉันกับโลก ที่ซึ่งฉันเรียกมันว่า เลอ ตอมป์ส โวยาเชอร์ (Le temps voyageur) ณ ห้วงเวลาเดียวกันกับที่เรากำลังหมุนโคจรอยู่ท่ามกลางชั่วโมงเหล่านั้น
เมื่อฉันเดินลัดเลาะผ่านถนนและซอกซอย สนามบินและสถานีรถไฟต่างๆ ตอมป์ส โวยาเชอร์ ของฉันได้เดินไปตามเส้นทางและผสมผสานเป็นหนึ่งเดียวกับละติจูดที่ได้เดินทางข้ามไป และเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมือนกับเวลาและพื้นที่หล่อหลอมเข้าด้วยกัน ภายในตัวเรือนแพลทินัม 41 มิลลิเมตร และขอบตัวเรือนไทเทเนียมสีดำด้านนั้น ไม่ได้ทำให้รู้สึกหนักเมื่ออยู่บนข้อมือ หรือแม้แต่ในชีวิตของฉัน รวมถึงโมดูลของจักรกลที่ได้พาฉันโบยบินสู่อากาศ ด้วยชิ้นส่วน 122 ชิ้น นั้นไม่ได้ทำให้ฉันช้าลง แต่กลับเร่งและยกระดับความหลงใหลของฉันให้มากยิ่งขึ้น เป็นดั่งลูกศรที่บางเบาดุจขนนกท่ามกลางสายลม เพื่อพร้อมที่จะออกเดินทางไปสู่...
จูโน อลาสก้า ที่ซึ่งโอบล้อมไปด้วยสายลมแรงและจุดประกายซึ่งอารมณ์ความรู้สึกขึ้นอีกครั้ง
ซิดนีย์ ที่ซึ่งเนินเขาได้อาบไปด้วยแสงวับวาวสีแอปริคอท
เอเธนส์ ที่ซึ่งหินอันเงียบสงบ ได้ถ่ายทอดถึงพลังอันยิ่งใหญ่
แม้ฉันยังไม่มั่นใจว่าฉันจะเดินทางไปยังที่แห่งใด แต่สิ่งนั้นก็ไม่ได้สำคัญ ด้วยแต่ละก้าวที่ฉันปล่อยให้โลกได้หล่อหลอมตัวฉัน ผู้เป็นเสมือนมหาราชาของที่แห่งนี้ และเป็นเช่นนักบินอวกาศของที่แห่งนั้น ที่ที่ฉันเคลื่อนตัวผ่านระหว่างประเภทและพรมแดน เพราะความแตกต่างเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่เชื่อมโยงหรือเกี่ยวข้องกับฉันอีกต่อไป
เช่นในซานติอาโก กับน้ำตกสีชมพู... ที่ซึ่งชีวิตได้พลันเบ่งบานขึ้นทันใด
หรือในลอสแองเจลิส, รีโอ, ปารีส ที่ต่างก็คือเบเบิล อันไร้ซึ่งพรมแดน
เช่นเดียวกันกับในนิวยอร์ก ที่ฉันเดินผ่านใต้เงาอาคารยักษ์อันสูงตระหง่าน...
ดินแดนอันแสนสำราญใจในอะโซร์ส ที่ซึ่งฉันเริ่มต้นออกเดินทาง
แม้ไม่รู้ว่าฉันจะไปยังที่แห่งใด แต่โลกของฉันนั้นกำลังหมุนเป็นวงกลมเฉกเช่นบนหน้าปัดนาฬิกา ที่ที่ฉันยืนอยู่ท่ามกลางวงโคจรแห่งชั่วโมงที่เดินผ่านไป ฉันห่อหุ้มตนเองไว้ภายใต้ความลึกลับอันดำดิ่งสูงสุดของชีวิต และบนท้องถนนนั้น ฉันไม่พบสิ่งอื่นใด นอกเหนือจากเวลา ที่เพียงเท่านั้นก็มีความหมายอันยิ่งใหญ่แล้วเสมอ
ฉันผู้ครองโลกใบนี้ไว้อย่างสมดุลบนข้อมือของฉันเอง
นาฬิกา อาร์โซ (Arceau) เป็นผลงานการออกแบบโดย อองรี ดอริญี (Henry d'Origny) ในปี ค.ศ. 1978 ที่ได้มอบการแสดงออกครั้งใหม่แห่งสไตล์ และเชื้อชวนให้หวนนึกถึงจิตวิญญาณของการเดินทางตามแบบวิถีแห่งแอร์เมส (Hermès) โดยรังสรรค์ขึ้นภายใต้ตัวเรือนทรงกลมทำจากแพลทินัม และไทเทเนียม หรือสตีล พร้อมทั้งเอกลักษณ์ของหูตัวเรือนแบบอสมมาตร ที่เผยให้เห็นถึงการตีความใหม่เฉพาะหนึ่งเดียวโดยแอร์เมส ให้กับความสลับซับซ้อนภายในเครื่องบอกเวลาชั้นสูง (Haute Horlogerie) อันแสนคลาสสิก กับการเดินทางผ่านหลากหลายชั่วโมงของโลก ด้วยจักรกล "ทราเวลลิง ไทม์" ("Travelling time") ที่พัฒนาขึ้นเฉพาะสำหรับแอร์เมส โดยมอบการแสดงแบบดิสก์ของทั้ง 24 ไทม์โซน และการโคจรของดวงดาวที่เคลื่อนหมุนด้วยแรงดึงดูดรอบแผนที่อันแสนแฟนตาซี ซึ่งจินตนาการขึ้นโดย เฌอโรม คอลลิยาร์ด (Jérôme Colliard) สำหรับรังสรรค์ลวดลายบนผ้าพันคอไหม "แพลนิสสเฟียร์ เดอ'อุน มองเด เอเควสเตร" ("Planisphère d'un monde équestre")
โดยหน้าปัดย่อยเคลื่อนที่และการแสดงเวลาบ้านเกิด (home time) ณ ตำแหน่ง 12 นาฬิกา นั้นขับเคลื่อนด้วยโมดูลพิเศษประกอบขึ้นจากชิ้นส่วน 122 ชิ้นส่วน หนาเพียง 4.4 มม. ซึ่งผสานไว้ภายในกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ แอร์เมส เอช1837 (Hermès H1837) จักรกลนี้ขับเคลื่อนการแสดงชั่วโมง นาที และเวลาสองไทม์โซน พร้อมทั้งการแสดงชื่อเมืองต่างๆ โดยบรรจุภายในนาฬิกาสองรุ่นของ อาร์โซ ตอมป์ส โวยาเชอร์ (Arceau Le temps voyageur) กับเวอร์ชันแพลทินัม ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 41 มม. พร้อมด้วยขอบตัวเรือนไทเทเนียมเคลือบดีแอลซี (DLC) สีดำด้าน และเวอร์ชันสตีล 38 มม. ซึ่งทั้งสองรุ่นประกอบคู่มากับสายหนังจระเข้ หรือสายหนังวัวสวิฟต์ (Swift) ที่รังสรรค์ขึ้นภายในห้องปฏิบัติการของ แอร์เมส ออร์โลเฌอร์ (Hermès Horloger) จากการใช้ทักษะความเชี่ยวชาญด้านงานฝีมือการทำเครื่องหนังและอานม้า ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานของเฮาส์ (House) แห่งนี้
คงปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเทรนด์แฟชั่นนั้นไม่เคยหยุดนิ่งและปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา รวมถึงความชื่นชอบในสไตล์เสื้อผ้าและแอคเซสเซอร์รี่ของแต่ละคนก็มีความหลากหลายและแตกต่างกันออกไป Club21 Multi-Label จึงเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นเดสทิเนชั่นที่ตอบโจทย์และสามารถมอบประสบ
Valentino นำเสนอกระเป๋าสุดคลาสสิกอันโด่งดัง Valentino Garavani Roman Stud วิวัฒนาการผลงานอันประณีตของหมุดอันเป็นซิกเนเจอร์ของเมซง ผ่านจอภาพเคลื่อนไหวสามมิติในสถานที่สุดพิเศษทั้งสี่แห่งทั่วทุกมุมโลกทั้ง New York’s Times Square, Tokyo’s Minami Aoyama,...
To present the upcoming Full Summer Men's and Women's collection, Tod's evocatively describes the atmosphere of a casual and relaxed Italian holiday lifestyle, where fun and joyful entertainments are the protagonists.
First introduced in Wardrobe 03 as part of the small leather goods collection, Salon 03 sees the development of the Turn Pouch in new sizes, colourways and material. It is now available in two sizes - small and medium.
'Chopard Loves Cinema' An Haute Joaillerie collection freely inspired by movie masterpieces. Representing so much more than an oft-repeated refrain, ‘Chopard Loves Cinema’ is the theme chosen by Chopard to mark its activities at the 75th Cannes Film Festival,
Innovation, Made in Italy and the Japanese culture meet in the new Dolce&Gabbana x Jujutsu Kaisen Special Collection, creating new synergies between art and style. The Jujutsu Kaisen universe, which became highly popular in Japanese culture, has inspired...
Following the opening of the FENDI boutique at The Shoppes at Marina Bay Sands in February 2022, the first 'World of FENDI'