HUBLOT (อูโบลท์) แบรนด์นาฬิการะดับโลก เผยโฉมเรือนเวลารุ่นพิเศษ Big Bang Tourbillon Samuel Ross (บิ๊ก แบง ทูร์บิยอง ซามูเอล รอสส์) โดยนำภาษาแห่งการออกแบบสไตล์กราฟิกที่มีเอกลักษณ์ที่ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ Samuel Ross (ซามูเอล รอสส์) แบรนด์แอมบาสเดอร์ของ HUBLOT นับตั้งแต่ปี ค.ศ. 2020 ได้สร้างสรรค์ขึ้น สู่การประดิษฐ์นาฬิกาที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัวเป็นครั้งแรก และผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 50 เรือนเท่านั้น
ตลอดเวลา 40 ปี ในฐานะแบรนด์นาฬิการะดับโลก HUBLOT ได้รังสรรค์ผลงานที่โดดเด่นมีเอกลักษณ์ด้วย "ศิลปะแห่งการผสมผสาน" หรือ "Art of Fusion" โดยนำเสนอผลงานและวิวัฒนาการก้าวใหม่สู่จุดสูงสุดของนวัตกรรมแห่งการประดิษฐ์นาฬิกา ด้วยความสามารถของแบรนด์ในการผสมผสานวัสดุที่ตรงกันข้ามกันอย่างสิ้นเชิง ผนวกกับพลังขับเคลื่อนเพื่อสร้างสรรค์ชิ้นงานที่ดีเยี่ยม ทำให้เกิดประสิทธิภาพในทางเทคนิคและความสวยงามที่เด่นชัด จนเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ได้รับความสำเร็จเป็นอย่างสูงตลอดมา HUBLOT ได้สร้างบทใหม่ของกฎแห่งการรังสรรค์เครื่องบอกเวลาและงานออกแบบใหม่อย่างต่อเนื่อง ด้วยความปรารถนาที่จะทำงานร่วมกับเหล่านักปฏิวัติด้านแนวคิดและผู้เชี่ยวชาญที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์สูงสุดในหลากหลายสาขาตามความคิดริเริ่มผ่านคอนเซ็ปต์ "Hublot Loves Art" ด้วยความรักในศิลปะกับความสำเร็จที่มีมาอย่างยาวนานกว่าหนึ่งทศวรรษ
HUBLOT ได้ร่วมงานกับเหล่าศิลปินและนักออกแบบผู้เปี่ยมด้วยพรสวรรค์สูงสุดมาโดยตลอด เพื่อรังสรรค์นาฬิกาอันทรงคุณค่าให้กับนักสะสมนาฬิกาทั่วโลก โดยถ่ายทอดรูปลักษณ์อันงดงามน่าตื่นเต้นพร้อมกับนำเสนอการตีความใหม่ๆ โดยล่าสุดได้ร่วมงานกับ Samuel Ross นักสร้างสรรค์ผลงานผู้เปี่ยมไปด้วยประสบการณ์ในการออกแบบเรือนเวลาที่น่าตื่นตาตื่นใจซึ่งมาพร้อมการทำงานที่เปี่ยมด้วยประสิทธิภาพ เป็นดั่งกระจกเงาที่สะท้อนถึงวิถีของ HUBLOT
Samuel Ross ศิลปินวัย 30 ปี เป็นผู้ที่เปี่ยมด้วยความรู้ความสามารถรอบด้าน ได้มอบนิยามของตัวเขาเองในฐานะครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ ผู้ที่ได้สั่งสมประสบการณ์อันเชี่ยวชาญและชื่อเสียงอันโด่งดังทั้งในฐานะผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์และแฟชั่นดีไซเนอร์ Ross จบการศึกษาจาก Leicester De Montfort University ในปี ค.ศ. 2012 ด้วยเกียรตินิยมอันดับหนึ่งในสาขากราฟิกดีไซน์และภาพวาดประกอบ ตั้งแต่นั้นมาเขาได้ร่วมงานกับแบรนด์และครีเอทีฟเอาท์เล็ตต่างๆ ที่มีชื่อสียงมากมาย นับตั้งแต่ Oakley (โอ๊คลี่ย์) และ Nike (ไนกี้) ตลอดจน Dr. Martens (ดร. มาร์ตินส์) และ Mackintosh (แมคอินทอช) รวมทั้งการเปิดตัวแบรนด์สปอร์ตแวร์หรูสำหรับสุภาพบุรุษของเขาเองที่มีชื่อว่า A-Cold-Wall* (เอ-โคลด์-วอลล์*) ในช่วงปลายปี ค.ศ. 2015 และมีสตูดิโอออกแบบของเขาเองขื่อ SR_A (เอสอาร์_เอ) (Samuel Ross & Associates) ในปี ค.ศ. 2019 ซึ่งเป็นปีที่เขาได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ HUBLOT Design Prize (อูโบลท์ ดีไซน์ ไพร์ซ) และหนึ่งปีต่อมาก็ได้รับการประกาศร่วมเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ของ HUBLOT อย่างเป็นทางการ ในโอกาสเฉลิมฉลองการเปิดตัว REFORM (รีฟอร์ม) งานประติมากรรมที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อหล่อหลอมเรื่องราวความสำเร็จตลอด 40 ปีของ HUBLOT ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างวัสดุออร์แกนิกโบราณอย่างหินแกรนิตเข้ากับวัสดุอันทันสมัยที่มนุษย์สร้างขึ้นอย่างสตีล Ross ได้สร้างสรรค์ "Fusion" หรือ 'การผสมผสาน' ของเขาเอง โดยหลอมรวมอดีตและปัจจุบันไว้ในกระบวนการสร้างงานที่ผสานเทคนิคการตกแต่งด้วยมือในวิถีแบบอดีตเข้ากับการใช้เครื่องจักรอันทันสมัย
ผลงานศิลปะขนาดสูง 40 เซนติเมตรในรูปแบบเชิงอุตสาหกรรมอันเรียบง่ายแต่โดดเด่นได้ถูกนำมาตีความใหม่และรังสรรค์ออกมาเป็นเรือนเวลา Big Bang Tourbillon Samuel Ross ที่สะดุดตาขนาด 45 มม. นาฬิกาข้อมือเรือนแรกของ Ross และ HUBLOT โดยใช้สีสัญลักษณ์ของ Ross ความรักและความหลงใหลที่เขามีต่อรูปทรงเรขาคณิตอันชัดเจนและงานออกแบบที่บ่งบอกความเป็นคนเมือง หลอมรวมนวัตกรรมและความเที่ยงตรงแม่นยำอันโดดเด่นซึ่งเป็นเอกลักษณ์ที่มีอยู่ทั้งในงานของทั้งสองฝ่าย
รูปทรงหกเหลี่ยมที่เปี่ยมด้วยสไตล์และโดดเด่นเฉพาะตัวของตัวเรือน Big Bang (บิ๊ก แบง) ได้ถูกสะท้อนผ่านลวดลายถักรวงผึ้งที่ทำจากไทเทเนียมบนหน้าปัด ตัวเรือน ฝาหลัง และสายนาฬิกา ด้วยโครงสร้างบล็อกตามธรรมชาติที่พบเห็นได้จากสิ่งแวดล้อม นับตั้งแต่รวงผึ้งและเกล็ดงู ตลอดไปจนถึงผิวของสับปะรดและเกล็ดหิมะ รูปทรงอันเข้มแข็งและทรงประสิทธิภาพไร้ซึ่งช่องว่างหรือการทับซ้อนกัน กลายเป็นรูปทรงที่เป็นมาตรฐานของโครงสร้างและงานออกแบบสมัยใหม่ อันเป็นผลลัพธ์มาจากความเข้ากันได้อย่างเหมาะเจาะอย่างไร้ที่ติแบบองค์รวม
ภายใต้รูปทรงหกเหลี่ยมที่เป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งภาพความสมบูรณ์แบบทางด้านฟังก์ชัน อันเป็นสายใยหลักที่มีอยู่ในทุกๆ งานออกแบบของ Ross เรือนเวลา Big Bang Tourbillon Samuel Ross เป็นดั่งประติมากรรมที่สวมใส่ได้ ซึ่ง Ross ไม่ละทิ้งหัวใจสำคัญในการใช้งานนั่นคือความทนทานและดีไซน์ที่โอบรับกับสรีระของข้อมือ ทั้งโครงสร้างไทเทเนียมแบบโปร่งที่มีน้ำหนักเบา และสายยางอ่อนนุ่มที่โค้งรับไปตามรูปทรงของมือเพื่อให้มั่นใจได้ถึงความสะดวกสบายบนข้อมือ และเพื่อตอกย้ำถึงทฤษฎีแห่งสี Ross จึงเลือกใช้สีส้มอันเป็นตัวแทนของพลังงานและการมองโลกในเชิงบวก มาใส่ลงบนสายนาฬิกา เม็ดมะยม สะพานจักรทูร์บิญอง ตลอดไปจนถึง bumpers (บั๊มเปอร์) ด้านข้างที่ช่วยปกป้องตัวเรือน มอบภาพอันโดดเด่นตัดกันกับเฉดสีเทาอันสุขุมลุ่มลึกของตัวเรือนและขอบตัวเรือนที่ขัดแต่งแบบซาตินเนียนละเอียด
Big Bang Tourbillon Samuel Ross ประกอบด้วยชิ้นส่วนกลไกจักรกล HUB6035 calibre (เอชยูบี6035 คาลิเบอร์) ทั้งหมด 282 ชิ้นที่ผลิตขึ้นภายในโรงงานของ HUBLOT ซึ่งทำงานด้วยความถี่ 3 เฮิรตซ์ และสำรองพลังงานได้ 72 ชั่วโมง เรือนเวลารุ่นนี้ผลิตขึ้นในจำนวนจำกัดเพียง 50 เรือน แต่ละเรือนเป็นดั่งชิ้นงานศิลปะที่ได้นำเอามุมมองใหม่ๆ และภาษาแห่งภาพการมองเห็นครั้งใหม่ มาสู่การประดิษฐ์นาฬิกา และเพื่อเฉลิมฉลองการเปิดตัว Big Bang Tourbillon Samuel Ross ในครั้งนี้ สีสันอันเป็นสัญลักษณ์ของ Ross จึงได้ถูกนำมาใช้ตกแต่งบูติกของ HUBLOT บน 5th Ave (ถนนหมายเลข 5) ในมหานครนิวยอร์ก และที่บูติกอื่นๆ ของ HUBLOT ทั่วโลกซึ่งพร้อมนำจักรวาลของ Samuel Ross มาสู่โลกแห่งเครื่องบอกเวลาระดับสูง
Ricardo Gaudalupe (ริคาร์โด กัวดาลูเป) HUBLOT CEO กล่าวว่า Samuel Ross นับเป็นศิลปินอายุน้อยที่สุดเท่าที่เราเคยร่วมงานมา แต่ด้วยความสามารถรอบด้านของเขานั้นถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะหนึ่งเดียวและสุดอัจฉริยะ โดยการผสมผสานเข้ากับนาฬิกา บรรจุภัณฑ์ การสื่อสาร และเอกลักษณ์แห่งภาพ ความพิเศษอย่างยิ่งของการร่วมงานกันครั้งนี้ คือปฏิสัมพันธ์โดยตรงระหว่างงานออกแบบและวัตถุ แนวคิดและรูปแบบ Samuel ได้ผลักดันให้ทีมของเราทำงานกับวัสดุเชิงนวัตกรรมและรูปทรงใหม่ๆ ถือเป็นพลังที่เปี่ยมล้นและเติมเต็มสัมพันธภาพระหว่างเราอย่างแท้จริง
Samuel Ross ผู้รังสรรค์เรือนเวลา HUBLOT Big Bang Tourbillon Samuel Ross กล่าวว่า HUBLOT ได้สร้างซึ่งบุคลิกเฉพาะแห่งพลังความสามารถ ความเที่ยงตรงแม่นยำ และการสำรวจใหม่ๆ ซึ่งการจับคู่ระหว่างงานฝีมืออันมิอาจเทียบเคียงได้กับความเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์นาฬิการ่วมไปกับจิตวิญญาณแห่งแนวคิดเชิงนวัตกรรมที่มีความเฉียบแหลมและการมองหาซึ่งทางออกด้านงานดีไซน์ได้ตกผลึกร่วมกันระหว่าง Ricardo และตัวเขาเอง เป้าหมายในการทำงานร่วมกันนี้ คือการสร้างจักรวาลของความเข้มแข็งทางวิศวกรรมอันร่วมสมัย งานออกแบบอันมีมิติสัมพันธ์ และโลกดิจิทัล ซึ่งนี่ได้สะท้อนผ่านหัวใจของรายละเอียดอันประณีต ด้วยผลลัพธ์อันโดดเด่น เข้มแข็งหนักแน่น และไม่อาจปฏิเสธได้ โดยเล็งเห็นถึงอนาคตของความหรูหราและประสบการณ์ที่มีร่วมกัน นำเสนอออกมาในจุดที่สามารถเข้าถึงผู้คนหลากหลายเจเนอเรชัน ทำให้โลกแห่งความหรูหรานั้นได้มีส่วนร่วมและเชื่อมโยงกับผู้ชมทั่วโลกได้อย่างแท้จริง
Samuel Ross เป็นนักออกแบบชาวอังกฤษดีกรีรางวัล ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ และศิลปินผู้เปี่ยมด้วยพลังสร้างสรรค์และความรู้ความ สามารถรอบด้าน มีความเชี่ยวชาญในการหลอมรวมหลากหลายองค์ประกอบแห่งความเชื่อมโยงกันระหว่างความสัมพันธ์ทางสังคมไว้ในการสร้างสรรค์ผลงานของเขา โดยการติดตามถึงแนวคิดต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในหลักมานุษยวิทยา แนวโน้มทางสังคมวิทยา และสังคมเชิงอุตสาหกรรมในศตวรรษที่ 20 ถึง 21 นั่นทำให้ผลงานของเขานำเสนอมุมมองความคิดด้านความเสมอภาค ความเชื่อมโยง และประสบการณ์ที่มีร่วมกันทางสังคมเสมอ
ในปี ค.ศ. 2015 ด้วยวัยเพียง 25 ปี Ross ได้ลงทุนกับการสร้างแบรนด์ของเขาเองขึ้นภายใต้ชื่อ A-COLD-WALL* ที่มีชื่อเสียงในการสืบเสาะหาวัสดุและนวัตกรรม ทั้งยังผสมผสานเข้ากับการสำรวจอันเฉียบคมหลักแหลมต่างๆ ของ Brutalist (สถาปัตยกรรมบรูทัลลิสต์) รวมถึงรูปแบบนามธรรมและการใช้หลักแห่งความเที่ยงตรงแม่นยำ โดยผ่านการเข้าถึงซึ่งการบุกเบิกแบบองค์รวมนี้ที่ทำให้ A-COLD-WALL* ของเขาได้รับการยกย่องในฐานะการสร้างซึ่งนิยามใหม่ของตัวแปรและปัจจัยที่กำหนดระหว่างแฟชั่นสตรีทแวร์และแฟชั่นชั้นสูง
ในช่วงการจัดนิทรรศการ HUBLOT Prize ขึ้น ณ Serpentine Gallery (เซอร์เพนไทน์ แกลเลอรี) ในกรุงลอนดอน เมื่อปี ค.ศ. 2019 Ross ได้เปิดตัวธุรกิจใหม่ล่าสุดของเขาภายใต้ชื่อ SR_A ซึ่งเป็นสตูดิโอดีไซน์เชิงอุตสาหกรรมที่ดำเนินงานภายใต้สาขาต่างๆ ของศิลปะการตกแต่งภายใน สถาปัตยกรรม งานออกแบบเฟอร์นิเจอร์ งานออกแบบเสียง และการสื่อสารเชิงประติมากรรม/ภาพ ซึ่ง Ross ได้กล่าวว่าเป็นเสมือนยานพาหนะสำหรับการศึกษาวิจัยอันก้าวหน้าด้านงาน ออกแบบ และการสร้างสรรค์ขึ้นด้วยประสบการณ์ที่นำไปใช้ได้จริง
รางวัลมากมายที่ Ross ได้รับ ยังรวมไปถึงการได้รับการเสนอชื่อในฐานะ British Fashion Awards' Emerging Menswear Designer (ค.ศ. 2018) และได้รับรางวัล HUBLOT Design Prize (ค.ศ. 2019) และในปี ค.ศ. 2020 เขาได้รับการเสนอชื่อเป็นหนึ่งใน Forbes' 30 under 30 [Europe] และคว้ารางวัล GQ USA Fashion Award (ค.ศ. 2020) และ People of the Year British Fashion Award (ค.ศ. 2020) ซึ่งรางวัลหลังนี้มอบให้กับเขาในฐานะผู้อุทิศตนให้กับงานด้านการกุศลโดยเฉพาะ และเมื่อเร็วๆ นี้ Ross ยังได้รับรางวัล Leader of Change British Fashion Award (ค.ศ. 2021) และ Honorary PHD ที่ได้รับการแต่งตั้งโดย University of Westminster for 'Doctor of Arts' (ค.ศ. 2021) นอกจากนี้เขายังเข้ารอบสุดท้ายของทั้ง LVMH Prize และ ANDAM Award ด้วยเช่นกัน
@Hublot @Hublot_Bangkok #Hublot #HublotBangkok #BigBangTourbillonSamuelRoss
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
บูติก HUBLOT สยามพารากอน โทร. 02-129-4774
บูติก HUBLOT เซ็นทรัล เอ็มบาสซี โทร. 02-160-5733
PMT The Hour Glass เกษร วิลเลจ โทร. 02-656-1212
PMT The Hour Glass ดิ เอ็มควอเทียร์ โทร. 02-003-6022
PMT The Hour Glass เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟรอเรสตา โทร. 076-633-888
คงปฎิเสธไม่ได้เลยว่าเทรนด์แฟชั่นนั้นไม่เคยหยุดนิ่งและปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา รวมถึงความชื่นชอบในสไตล์เสื้อผ้าและแอคเซสเซอร์รี่ของแต่ละคนก็มีความหลากหลายและแตกต่างกันออกไป Club21 Multi-Label จึงเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งแฟชั่นเดสทิเนชั่นที่ตอบโจทย์และสามารถมอบประสบ
Valentino นำเสนอกระเป๋าสุดคลาสสิกอันโด่งดัง Valentino Garavani Roman Stud วิวัฒนาการผลงานอันประณีตของหมุดอันเป็นซิกเนเจอร์ของเมซง ผ่านจอภาพเคลื่อนไหวสามมิติในสถานที่สุดพิเศษทั้งสี่แห่งทั่วทุกมุมโลกทั้ง New York’s Times Square, Tokyo’s Minami Aoyama,...
To present the upcoming Full Summer Men's and Women's collection, Tod's evocatively describes the atmosphere of a casual and relaxed Italian holiday lifestyle, where fun and joyful entertainments are the protagonists.
First introduced in Wardrobe 03 as part of the small leather goods collection, Salon 03 sees the development of the Turn Pouch in new sizes, colourways and material. It is now available in two sizes - small and medium.
'Chopard Loves Cinema' An Haute Joaillerie collection freely inspired by movie masterpieces. Representing so much more than an oft-repeated refrain, ‘Chopard Loves Cinema’ is the theme chosen by Chopard to mark its activities at the 75th Cannes Film Festival,
Innovation, Made in Italy and the Japanese culture meet in the new Dolce&Gabbana x Jujutsu Kaisen Special Collection, creating new synergies between art and style. The Jujutsu Kaisen universe, which became highly popular in Japanese culture, has inspired...
Following the opening of the FENDI boutique at The Shoppes at Marina Bay Sands in February 2022, the first 'World of FENDI'