สำหรับการนำเสนอคอลเลคชั่น Salon 01 (ฤดูใบไม้ผลิ 2021) ของ Bottega Veneta ในครั้งนี้ แดเนียล ลี ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ ได้นำเสนอโชว์ในครั้งนี้โดยการจัดขึ้นที่โรงละคร Sadler’s Wells ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ด้วยเพราะการเต้นถือเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของแดเนียล ลี ที่เติบโตมาในเมืองแบรดฟอร์ด (Bradford) เริ่มงานตัดเย็บด้วยการทำชุดเต้นตั้งแต่เด็กและมีโอกาสได้ดูการแสดงโชว์เรื่อยมาเมื่อครั้งที่ยังอยู่ในวัยเรียน
การเลือก Sadler’s Wells เป็นสถานที่จัดแสดงคอลเลคชั่นในครั้งนี้จึงเป็นเหมือนกับการอุทิศให้แก่ความรักในการเต้นของเขา เช่นเดียวกันกับที่เขาเลือกจัดแสดงโชว์ในครั้งนี้ที่ลอนดอน ก็เป็นการอุทิศให้แก่เมืองที่หล่อหลอมตัวตน ความคิดสร้างสรรค์ของเขาจากวัยเด็กมาจนถึงการเรียนแฟชั่นที่ Central Saint Martins และลอนดอนเองก็เต็มไปด้วยความหลากหลายของผู้คน วัฒนธรรม สไตล์เสื้อผ้า ซึ่งเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นดั่งแรงบันดาลใจของเขาในการสร้างสรรค์ผลงาน
โดยโชว์จัดขึ้นอย่างเรียบง่ายและใช้แสงเป็นลูกเล่นในการจัดโชว์ในแบบเวทีการแสดงศิลปะ (Performing Art) ด้วยการจัดวางเก้าอี้สำหรับแขกผู้มาชมคอลเลคชั่นเว้นระยะห่างตามแนวปฏิบัติ Social Distancing ในขณะที่นางแบบและนายแบบแต่ละคนจะเดินออกมาจากหลังเวทีแทรกไปยังช่องว่างระหว่างเก้าอี้แต่ละตัว ในขณะที่แสงบนเวทีก็ค่อยเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ จากสีเขียวเป็นแดง ฟ้าหรือส้ม พร้อมเสียงดนตรีประกอบเสียงพูดจาก Neneh Cherry ที่เต็มไปด้วยความหมายเรื่องความเป็นผู้หญิง เพศสภาพ ร่างกาย เสื้อผ้า และความรู้สึกที่เต็มไปด้วยความคิดเห็นที่ซื่อสัตย์ จริงใจ ต่อสไตล์และตัวเอง
ในขณะที่คอนเซปต์ของเสื้อผ้าและการสร้างสรรค์เสื้อผ้าในคอลเลคชั่นนี้ แดเนียล ลี ได้นำเอาประสบการณ์ในอดีตที่ หล่อหลอมความคิดสร้างสรรค์ของเขาขึ้นมา ผสมผสานกับประสบการณ์ในปัจจุบันกับการที่ต้องล็อกดาวน์อยู่กับบ้าน แนวคิดของเสื้อผ้าที่สามารถสวมใส่ภายในบ้านซึ่งจะมอบความสะดวกสบาย ทั้งยังสามารถสวมใส่ไปข้างนอกได้อีกด้วย แต่ในขณะเดียวกันก็มีความสวยงามและสร้างความมั่นใจ เล่นกับความขัดแย้งกันระหว่างความสะดวกสบายและ ความมั่นใจ การถูกกักขัง (จากการล็อกดาวน์) และการโหยหาเสรีภาพ ความสัมพันธ์ระหว่างกิจวัตรประจำวันและ ความปรารถนาพื้นฐานที่ต้องการจะเป็นอิสระ
ความรู้สึก ความสัมพันธ์เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในบ้านนั้นแสดงผ่านเสื้อผ้าที่ใช้ผ้านิตในการสร้างสรรค์ ซึ่งเป็นหัวใจหลัก ของคอลเลคชั่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นชุดกระโปรงตัวสั้น เสื้อกล้าม เสื้อเชิ้ตแขนสั้น คาร์ดิแกน การเลือกใช้ผ้าหรือวัสดุที่ให้ความรู้สึกถึงบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเนื้อผ้าหรือวัสดุอื่นๆ ที่ถูกนำมาใช้ในการทำเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ภายในบ้าน อย่างผ้าโครเชต์ หนังที่มีความอ่อนนุ่ม งานแฮนด์เมด มาใช้ในการทำเสื้อผ้า หรือซิลูเอตต์ของเสื้อผ้าที่ใช้ในบ้านทั้งชุดนอนหรือชุดคลุม โดยยังได้แรงบันดาลใจมาจากสไตล์เสื้อผ้าในยุค 60s อีกด้วย
สำหรับกระเป๋าในคอลเลคชั่นนี้ที่ได้สานต่อการสร้างสรรค์จากคอลเลคชั่น Wardrobe 01 ซึ่งเป็นคอลเลคชั่น ที่เผยโฉมไปก่อนหน้านี้ โดยครั้งนี้ได้ใช้ผ้านิต ผ้าโครเชต์ หรือหนังที่มีความอ่อนนุ่ม ในการสร้างสรรค์กระเป๋าที่สะท้อนความนุ่มสบาย และความรู้สึกถึงบ้านอันอบอุ่นปลอดภัย ทั้งยังสามารถนำมาใช้ได้หลากหลายโอกาศ นอกจากนี้ Bottega Veneta ยังนำเอาแนวคิด 'leave no trace' มาใช้ โดยการใช้ผ้าและวัสดุต่างๆ ทุกส่วนให้เป็นประโยชน์เพื่อไม่ให้เหลือเศษผ้าทิ้งเป็นขยะอีกด้วย
สำหรับรองเท้า คอนเซปต์ความสะดวกสบายนั้นถูกแทนที่ด้วยรองเท้าสนีกเกอร์ หรือรองเท้าส้นหนาที่ใช้ผ้าทอและหนัง ในการสร้างสรรค์ที่ดูราวกับเป็นการผสมผสานการทำรองเท้าและงานศิลปะไว้ด้วยกัน รวมไปถึงรองเท้ารุ่นใหม่ Neo รองเท้าสวมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากยุค 90s
รายละเอียดสำหรับ The Gift
สำหรับการนำเสนอคอลเลคชั่น Salon 01 ของ Bottega Veneta ในครั้งนี้ แดเนียล ลี ยังได้จัดทำหนังสือ 3 เล่ม และ แผ่นบันทึกเสียงอีก 1 ชิ้น เพื่อบอกเล่าขั้นตอนและแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์คอลเลคชั่นนี้อีกด้วย
โดยหนังสือเล่มแรก Book 01 นั้น เป็นหนังสือภาพบอกเล่าแรงบันดาลใจต่างๆ เบื้องหลังการสร้างสรรค์คอลเลคชั่นเสื้อผ้าในครั้งนี้
ในส่วนของเล่มที่สอง Book 02 เป็นการร่วมงานกับศิลปชาวเยอรมัน Rosemarie Trockel เล่าเรื่องกระบวนการสร้างสรรค์และความสัมพันธ์ของวัฒนธรรมทางความคิด คุณค่าทางวัฒนธรรมและการจูงใจที่เปลี่ยนผลิตภัณฑ์ให้เป็นวัตถุแห่ง ความปรารถนาอันทรงพลัง
และหนังสือเล่มที่สาม Book 03 เป็นภาพถ่ายหลังเวที และโชว์การนำเสนอเสื้อผ้าในคอลเลคชั่นนี้ โดย Tyrone Lebon และสุดท้ายแผ่นบันทึกเสียงอันเป็นซาวด์แทร็กประกอบโชว์ในครั้งนี้ด้วย สร้างสรรค์โดย Neneh Cherry
Mademoiselle Longchamp; independent, a traveller at heart, her style will take her both to the end of the street and to the end of the world. She is confident enough to create her own path in life and to make her own rules.
TWO NEW OCTO SPECIAL EDITIONS CELEBRATE AND PERPETUATE THE HIGHLY EXCLUSIVE PARTNERSHIP BETWEEN THE TWO BRANDS
Prestige, luxury, elegance and design: these are the keywords governing and guiding the partnership...
เจมส์ พาวิลเลี่ยน รังสรรค์จิวเวลรี่ชั้นสูงที่มีอัตลักษณ์และได้รับการยอมรับในระดับสากล ผ่านการร้อยเรียงทุกรายละเอียด ตั้งแต่เพชรและอัญมณีที่มีคุณภาพชั้นเลิศ ดีไซน์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ งานช่างฝีมือชั้นสูง ภายใต้ปรัชญา ‘The Universal Language of Life Celebrations’เพราะเราเชื่อว่าความสวยงามของจิวเวลรี่ของ...
ภายใต้ปรัชญา ‘The Universal Language of Life Celebrations’ เราเชื่อว่าความสวยงามของจิวเวลรี่ของเจมส์ พาวิลเลี่ยนนั้นเป็นภาษาสากลที่คนเชื้อชาติไหนและภาษาไหนก็สามารถรับรู้และชื่นชมได้...