Placeholder image

EN


HUBLOT รังสรรค์เรือนเวลา Classic Fusion เอดิชั่นพิเศษผสานความมีชีวิตชีวาและเอกลักษณ์ของหน้าปัดหินธรรมชาติ 5 ชนิด คอลเล็กชั่นพิเศษสำหรับ The Hour Glass



โดย อมรสิริ บุญญสิทธิ์ ภาพ HUBLOT

ด้วยความสำเร็จในการทำงานร่วมกันระหว่าง HUBLOT (อูโบลท์) และ The Hour Glass (ดิ อาวร์ กลาส) มาอย่างยาวนานมากกว่า 40 ปี ทำให้เกิดแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์เรือนเวลาเอดิชั่นพิเศษเฉพาะสำหรับ The Hour Glass ที่ยํ้าเน้นให้เห็นการทำงานภายใต้คอนเซ็ปต์ "ศิลปะแห่งการผสมผสาน" (Art of Fusion) ซึ่งเป็นปรัชญาในการทำงานของ HUBLOT ในการมุ่งมั่นเพื่อผสานเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของแบรนด์เข้ากับวัสดุที่ดีเยี่ยมและงดงามพิสุทธ์ โดยในครั้งนี้ เป็นการทำงานที่ลํ้าเลิศในการรังสรรค์หน้าปัดโดยใช้หินธรรมชาติ 5 ชนิด ในคอลเล็กชั่นที่นับว่าเป็นการผสมผสานการทำงานที่บอกความคลาสสิกเหนือกาลเวลาในชื่อ Classic Fusion 42mm Elements special edition for The Hour Glass (คลาสสิค ฟิวชั่น 42มม. เอลิเมนต์ส สเปเชียล เอดิชัน ฟอร์ ดิ อาวร์ กลาส)

ในครั้งนี้ HUBLOT ได้เดินหน้าทดลองการทำงานออกแบบโดยเลือกธาตุทั้งห้าจากธรรมชาติ เพื่อบอกถึงความมีชีวิตชีวาที่เปล่งประกายจากหน้าปัดหินที่มีคุณค่า สร้างความโดดเด่นให้กับผู้สวมใส่ เพื่อถ่ายทอดตัวตนภายใต้ความสวยงามในระดับเหนือจินตนาการ เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ดึงดูดใจ ทั้งหมดนี้เป็นหัวใจของปรัชญาแห่งการพัฒนาของแบรนด์ โดยใช้ศิลปะแห่งการผสมผสานที่โดดเด่นรังสรรค์เป็นหน้าปัดที่แตกต่างกันในทุกชิ้น ด้วยคุณลักษณะของแร่ธาตุธรรมชาติที่ได้รับการคัดสรรค์อย่างประณีตด้วยสายตาของนักออกแบบผู้ชำนาญการของ HUBLOT มีการเลือกใช้ Tiger's eye (ไทเกอร์อายหรือหินตาเสือ), Red Jasper (เรดแจสเปอร์หรือควอตซ์แดง), Malachite (มาลาไคต์), Turquoise (เทอร์คอยซ์) และ Lapis Lazuli (ลาพิส ลาซูลี) ในการรังสรรค์นาฬิกา Classic Fusion ซึ่งสร้างสรรค์ขึ้นพิเศษสำหรับ The Hour Glass ในครั้งนี้ นอกจากการถ่ายทอดถึงความสวยงามของธาตุทางธรรมชาติ ยังเป็นการตอกย้ำปรัชญาของ HUBLOT ในการมุ่งบุกเบิกรังสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ด้วยการเลือกใช้วัสดุใหม่ในงานออกแบบ ทำให้ผู้ที่รักในเรือนเวลาต้องตื่นใจกับงานสร้างสรรค์อันทรงคุณค่าที่มีเอกลักษณ์ในแต่ละช่วงเวลา เพื่อมอบสิ่งใหม่ที่งดงามทรงคุณค่า เรือนเวลา Classic Fusion นับเป็นไอคอนใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจจากผู้ที่รักในเรือนเวลาที่งดงามเหนือกาลเวลาและมีเอกลักษณ์เฉพาะ

นับตั้งแต่ปี 1980 HUBLOT ได้รับยกย่องให้เป็นแบรนด์ผู้ผลิตเรือนเวลารายแรกที่รังสรรค์นาฬิกาเรือนทองโดยนำมาเชื่อมต่อกับสายยางได้อย่างลงตัว นับเป็นความสำเร็จของการรังสรรค์ชิ้นงานที่มีความแตกต่างตามปรัชญาของการผสมผสานที่ได้รับความสำเร็จอย่างท่วมท้น เป็นการผลักดันให้อุตสาหกรรมนาฬิกามีการปรับเปลี่ยนให้มีการทำงานที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และใช้การผสมผสานวัสดุที่มีความแตกต่างเข้าด้วยกันในงานดีไซน์ ในเวลา 25 ปีต่อมา HUBLOT ได้จุดประกายพลังสร้างสรรค์อีกครั้ง ด้วยการเปิดตัวนาฬิกา Big Bang (บิ๊ก แบง) เพื่อยํ้าเน้นถึง 'Art of Fusion' ทำให้ปรัชญาแห่งการผสมผสานกลายเป็นหัวใจสำคัญของแบรนด์ผู้ผลิตนาฬิกาสวิสนับแต่นั้นตลอดมา เป็นการทำงานเพื่อบอกถึงเอกลักษณ์ของการผสานความเชี่ยวชาญในการประดิษฐ์นาฬิกาตามแบบแผนของนาฬิกาสวิสอันทรงคุณค่าเข้ากับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย การเลือกใช้วัสดุที่แตกต่างและเหนือความคาดหมายตลอดเวลา เป็นการรังสรรค์ผลงานที่สร้างความประทับใจในทันทีที่เผยโฉม และสะกดสายตาผู้ที่รักในเรือนเวลาที่พร้อมจะออกเดินทางไปในทุกที่เพื่อบอกคุณลักษณะของผู้สวมใส่ในทุกย่างก้าว ผลงานสร้างสรรค์ของ HUBLOT จึงเป็นการผลักดันให้เกิดการรังสรรค์นาฬิกาในดีไซน์ร่วมสมัยที่มีความโดดเด่นอย่างต่อเนื่อง

นอกจากการเปิดตัวของนาฬิกา HUBLOT Classic Fusion รุ่นพิเศษในครั้งนี้ จะบอกถึงการทำงานที่มั่นคงด้วยความสำเร็จอย่างงดงามของ The Hour Glass และ HUBLOT ยังแสดงให้เห็นการตีความใหม่ของการทำงานที่มีความคิดเริ่มต้นจากเรือนเวลารุ่นดั้งเดิมในปี ค.ศ. 1980 ร่วมกับการผสมผสานวัสดุล้ำค่าและทันสมัยในงานออกแบบที่มีเอกลักษณ์และประทับใจในทันทีที่เห็น ทั้งยังได้แรงบันดาลใจมาจากช่องหน้าต่างเรือ จากความหมายของคำว่า "hublot" ในภาษาฝรั่งเศส ความงดงามของดีไซน์ที่ดูเรียบง่ายและเส้นสายอันคมชัด ทำให้นาฬิกา Classic Collection บอกถึงการก้าวสู่นาฬิกาในดีไซน์ที่เรียบง่ายมินิมอลที่สมบูรณ์แบบ เป็นงานออกแบบเพื่อให้เหมาะสำหรับสวมใส่ได้ในทุกโอกาส และมีให้เลือกทั้งระบบกลไก การใช้วัสดุที่แตกต่าง และสีสันที่หลากหลาย Classic Fusion จึงสะท้อนให้เห็นการผสมผสานอันล้ำเลิศในการออกแบบอย่างแท้จริง ทั้งยังบอกถึง DNA ของเรือนเวลารุ่นดั้งเดิมแห่งปี ค.ศ. 1980 ผ่านการตีความใหม่ตามปรัชญา 'Art of Fusion' ของแบรนด์นาฬิกาสวิสที่ได้รับความนิยมอย่างมากในระดับโลก

ในปี 2022 HUBLOT เดินหน้าในการสำรวจเพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมการเลือกใช้วัสดุที่บอกความโดดเด่น และประสบความสำเร็จในการรังสรรค์นาฬิการุ่นพิเศษ Classic Fusion 42mm Elements รุ่นพิเศษเฉพาะสำหรับ The Hour Glass ด้วยความหลากหลายของหน้าปัดทั้งห้ารูปแบบซึ่งรังสรรค์ขึ้นโดยใช้หินแร่สีสันสดใสและความงดงามโดดเด่นของเนื้อหินและลายในเนื้อหินที่แตกต่างกันอย่างเป็นธรรมชาติ สร้างความแตกต่างของหน้าปัดในแต่ละเรือนเวลา ทั้ง Tiger's eye, Red Jasper, Malachite, Turquoise และ Lapis Lazuli โดยบรรจุอยู่ภายในตัวเรือนไทเทเนียมที่ตกแต่งด้วยงานปัดด้านแบบซาตินและขัดเงา พร้อมด้วยเม็ดมะยมและหูขอบตัวเรือนที่ทำจาก King Gold (คิง โกลด์) ขัดเงา หน้าปัดหินเหล่านี้เปล่งประกายจากความงามของเนื้อหินธรรมชาติที่ผ่านการคัดสรรค์อย่างพิเศษสุดเพื่อให้ความงดงามอย่างมีเอกลักษณ์ ให้ความโดดเด่นเฉพาะตัวตามธรรมชาติให้กับผู้เป็นเจ้าของเรือนเวลาแต่ละเรือนอย่างแท้จริง ประกายรัศมีอันเจิดจรัสของแต่ละหน้าปัดเพิ่มเสน่ห์และความโดดเด่น ด้วยองค์ประกอบที่บอกถึงการทำงานอันประณีตของนาฬิกาสวิสที่ทรงคุณค่า เริ่มตั้งแต่ สกรูบนขอบตัวเรือนรูปทรง 'H' ทำจาก King Gold ขัดเงา เข็มชี้บอกชั่วโมง นาที และวินาที ที่ได้รับการชุบ เคลือบทอง ขัดเงาวาว โดยฝีมืออันประณีตของช่างผู้ชำนาญการ บ่งบอกความยึดมั่นในปรัชญา 'Art of Fusion' และความเชี่ยวชาญเฉพาะในการผสมผสานวัสดุธรรมชาติที่ได้รับการคัดสรรค์เข้ากับวัสดุไฮเทคล้ำสมัยได้อย่างลงตัว กลายเป็นชิ้นงานศิลปะที่เริ่มจากการรังสรรค์หน้าปัดหินแร่ที่ได้จากแหล่งหินอัญมณีชั้นเลิศ การตัดหินจากแร่แต่ละชิ้น พร้อมกับความพิถีพิถันในการทำงานของศิลปินช่างฝีมือผู้เปี่ยมด้วยทักษะขั้นสูงในการตัดแต่งและขัดหินทุกชิ้นอย่างประณีตบรรจง เพื่อให้หน้าปัดของเรือนเวลาแต่ละเรือนมีความโดดเด่นของลวดลายเฉพาะตัว พร้อมทั้งการปรับแต่งหินแต่ละชิ้นให้เกิดเป็นชิ้นงานที่มีความหนาตามการออกแบบได้อย่างสมบูรณ์ ทำให้นาฬิกาแต่ละเรือนแตกต่างกันมีเสน่ห์อย่างเป็นเอกลักษณ์

เรือนเวลา Classic Fusion 42mm Elements special edition for The Hour Glass อาบไว้ด้วยบุคลิกความโดดเด่นและความเข้มข้นหนักแน่นของธาตุธรรมชาติ ทำให้เป็นหน้าปัดนาฬิกาที่บอกความมีบุคลิกเฉพาะตัว เริ่มจากคุณสมบัติเฉพาะของ Tiger's Eye ที่บอกถึงเสน่ห์ของลายเส้นสีเหลือง ทอง และน้ำตาล ราวกับขนของเสือที่สง่างามโดดเด่นมีเอกลักษณ์ เมื่อผ่านการตัดและขัดอย่างพิถีพิถันละเอียดอ่อนก็ทำให้หน้าปัด Tiger's Eye สะท้อนความอบอุ่นและดึงดูดใจอย่างมาก ด้วยบุคลิกสไตล์เอิร์ธโทนที่งดงามเปี่ยมด้วยพลัง

สำหรับหน้าปัดที่ทำด้วย Red Jasper นอกจากจะสวยงามสะดุดตาด้วยเฉดสีแดงสดใสมีชีวิตชีวา ยังเป็นดั่งเครื่องรางนำโชคของผู้คนทั่วโลก ด้วยชื่อเสียงจากคุณสมบัติด้านการรักษาและบำบัดฟื้นฟู หน้าปัดเรือนเวลาที่ทำด้วย Malachite มีเอกลักษณ์ด้วยสีเขียวสด และได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายตลอดช่วงประวัติศาสตร์โบราณ ด้วยสีสันและลวดลายที่ความสวยงาม จึงนิยมนำมาทำเครื่องประดับตกแต่งและใช้ในพิธีกรรม เฉดสีเขียวที่เปล่งประกายชวนให้นึกถึงผืนป่าอันเขียวขจีและเขียวชอุ่มไปด้วยแมกไม้



Turquoise ได้ชื่อมาจากภาษาฝรั่งเศสโบราณว่า "turkeise" ซึ่งมีความหมายว่า "Turkish" (ตุรกี) ด้วยเพราะเป็นแร่ธรรมชาติชนิดแรกที่ถูกนำเข้าสู่ยุโรปผ่านตุรกีจากเหมืองต่างๆ ทางตะวันออกกลาง เฉดสีฟ้าอันโดดเด่นและแตกต่างของเทอร์คอยส์ถูกนำมาใช้ผสมผสานกับงานออกแบบเชิงสถาปัตยกรรมทั่วโลก เพื่อมอบมิติอันงดงามและยิ่งใหญ่ สำหรับหน้าปัดที่รังสรรค์จาก Lapis Lazuli กับสีโคบอลต์บลู (cobalt blue) เฉดน้ำเงินเข้มที่เหล่าราชวงศ์เลือกใช้เป็นเครื่องประดับตกแต่งตลอดช่วงเวลาหลายศตวรรษ เมื่อถูกขัดเงาหินจะให้ประกายระริบระยับในเฉดสีน้ำเงินเข้ม ให้ภาพที่งดงามราวดั่งท้องฟ้ายามราตรีที่พร่างพราวระยิบระยับไปด้วยมวลหมู่ดาว

เรือนเวลา HUBLOT Classic Fusion 42mm Elements เอดิชันพิเศษร่วมกับ The Hour Glass ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 10 เรือนสำหรับแต่ละเวอร์ชันหน้าปัดนาฬิกา ขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ ความถี่ 4 เฮิรตซ์ HUB1100 calibre (เอชยูบี1100 คาลิเบอร์) และสำรองพลังงานได้ถึง 42 ชั่วโมง สามารถมองเห็นกลไกการทำงานผ่านหน้าต่างกระจกคริสตัลแซฟไฟร์เปลือยใสของฝาหลังไทเทเนียมที่ตกแต่งด้วยงานปัดด้านแบบซาติน พร้อมแกะสลักข้อความ "SPECIAL EDITION" "XX/10" โดยรอบขอบฝาหลังนาฬิกาแต่ละเรือน มาพร้อมกับสายหนังจระเข้สีดำผสานยางสีดำ เย็บตะเข็บด้วยเส้นทองคำ 5N และหัวเข็มขัดแบบบานพับปรับได้ทำจากสเตนเลสสตีลเคลือบทอง

มิสเตอร์ ไมเคิล เทย์ (Mr. Michael Tay) Group Managing Director ของ The Hour Glass กล่าวว่า "ถือกำเนิดจากความปรารถนาและความหลงใหลที่มีร่วมกันในการขับเคลื่อนวัฒนธรรมนาฬิกาให้ก้าวเดินไปข้างหน้า และยังแสดงถึงสัมพันธภาพอันแน่นแฟ้นและยาวนานมากกว่า 40 ปี ของ The Hour Glass และ HUBLOT การเปิดตัว Classic Fusion 42mm Elements special edition นับเป็นอีกหนึ่งหลักไมล์สำคัญในประวัติศาสตร์ที่มีร่วมกันของเรา และผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างมากกับผลงานเรือนเวลาเหล่านี้ที่จะได้ประดับและสวมใส่อยู่บนข้อมือของชาว Hublotistas อันเข้มแข็งของเราในภูมิภาคนี้"

นาฬิกา Classic Fusion 42mm Elements special edition for The Hour Glass พร้อมจำหน่ายในราคา 700,000 บาทหรือ 811,000 บาท ราคาของแต่ละเรือนเวลาแตกต่างกันไปในแต่ละเวอร์ชันของหน้าปัด และมีจำหน่ายแบบเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่บูติกแห่งต่าง ๆ ของ The Hour Glass ในสิงคโปร์ มาเลเซีย และบูติก PMT The Hour Glass ในประเทศไทย

Classic Fusion 42mm Elements special edition for The Hour Glass
Tiger's Eye - 542.NX.849E.LR.THG21 (700,000 บาท)
Red Jasper - 542.NX.849J.LR.THG21 (700,000 บาท)
Malachite - 542.NX.849M.LR.THG21 (700,000 บาท)
Turquoise - 542.NX.849T.LR.THG21 (811,000 บาท)
Lapis Lazuli - 542.NX.849L.LR.THG21 (811,000 บาท)

นับเป็นความภาคภูมิใจของ The Hour Glass ที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรเอ็กซ์คลูซีฟของ HUBLOT ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อ:
บูติก HUBLOT สยามพารากอน โทร. 02-129-4774
บูติก HUBLOT เซ็นทรัล เอ็มบาสซี โทร. 02-160-5733
PMT The Hour Glass เกษร วิลเลจ โทร. 02-656-1212
PMT The Hour Glass ดิ เอ็มควอเทียร์ โทร. 02-003-6022
PMT The Hour Glass เซ็นทรัล ภูเก็ต ฟรอเรสตา โทร. 076-633-888
หรือติดตามได้ทาง Instagram & Facebook: @Hublot_Bangkok @pmtthehourglass


HUBLOT YELLOW GOLD คอลเลกชันที่เชื่อมโยงถึงจิตวิญญาณต้นกำเนิดของแบรนด์

 

Fashion

Placeholder image

HERMÈS OPENS ITS 19TH LEATHER WORKSHOP IN SAINT-VINCENT-DE-PAUL (GIRONDE)

Ever since the house was established in 1837, Hermès has always sought to preserve the artisanal dimension of its manufacturing, which is a source of durability, creativity, agility and innovation.

Placeholder image

VALENTINO VINTAGE

The multiform universe of the Maison is composed of infinite constellations. They are the clothes of past collections. Ever-changing, in constant motion, yet almost eternal. Valentino Vintage is the first journey through these collections, now recognized, redefined, reinterpreted.

Placeholder image

DIOR PRESENTS SCARVES FROM THE 2022 CRUISE

Essential accessories in the Dior Cruise 2022 collection by Maria Grazia Chiuri, scarves are unveiled in a series of captivating shots by the photographer Brigitte Niedermair. Playing with duality at the intersection of Surrealism and mythology,...

Placeholder image

DKNY PURE Collection ในคอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วง ปี 2021

คอลเลคชั่นฤดูใบไม้ร่วง ปี 2021 จาก DKNY แบรนด์ซึ่งมี DNA ของมหานครนิวยอร์กอย่างถ่องแท้ เมืองที่แม้จะเต็มไปด้วยความเร่งรีบวุ่นวายทว่าแฝงไปด้วยเอกลักษณ์อันโดดเด่น ทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์และความฝันที่เต็มไปด้วยพลังอย่างไม่มีที่สิ้นสุด...

Placeholder image

“Stella Shared 3” ยูนิเซ็กซ์แคปซูลคอลเลคชั่นใหม่จาก STELLA McCARTNEY

STELLA McCARTNEY นำเสนอ “Stella Shared 3” แคปซูลคอลเลคชั่นที่สามารถสวมใส่ได้ทั้งสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี โดยเป็นคอลเลคชั่นเสื้อผ้าที่เลือกสำรวจคุณค่าและสุนทรียะร่วมของเสื้อผ้าในคอลเลคชั่นฤดูหนาวปี 2021...

Placeholder image

DIOR PRESENTS THE DIOR BOBBY BAG IN A NEW EAST-WEST FORMAT

For the Dior 2022 Cruise collection, Maria Grazia Chiuri reinterpreted the iconic Dior Bobby bag in an original, rectangular East-West format. Available in black, latte, rose des vents pink, amber, or yellow, it comes with a short,...

Placeholder image

BURBERRY REVEALS THE HERO CAMPAIGN - STARING ADAM DRIVER

‘Creating a fragrance is such a personal and intimate process, and I especially felt this for Hero – my first fragrance for Burberry. I wanted Hero to encapsulate modern masculinity, to play on the essence of primal human and animal..